1 สัปดาห์กับการใช้ iPhone SE มันคือ “ไอโฟนที่คุ้มราคาที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
แอปเปิลเปิดขาย iPhone SE ใน 13 ประเทศกลุ่มแรกไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางทีมงาน MacThai ก็ได้นำเครื่องมาทดสอบ ทั้งการแกะกล่องและรีวิวถึงประสิทธิภาพโดยละเอียดของเครื่อง
แต่กับการใช้งานในชีวิตจริงนั้น ก็จะมีหลายเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งวันนี้ MacThai Weekly จะนำมาฝากกันว่า 7 วันที่ผ่านมากับ iPhone SE เรามีความเห็นอย่างไรกันบ้าง
Note: ผมใช้ iPhone 6 อยู่ก่อนหน้านี้ จึงชินกับขนาดจอ 4.7 นิ้ว
วันแรกกับ iPhone SE : “ทำไมจอมันเล็กจัง ?”
ส่วนตัวผมใช้ไอโฟนมาตั้งแต่รุ่นแรก เมื่อปี 2007 ใช้มาตั้งแต่จอ 3.5 นิ้ว หลังจากนั้นแอปเปิลก็เพิ่มขนาดจอเป็น 4 นิ้วเมื่อ iPhone 5 และก็มาเป็น 4.7 นิ้วบน iPhone 6, 5.5 นิ้วบน iPhone 6 Plus
ถ้าเรามองไปรอบๆ ตัว นอกจากไอโฟนแล้ว สมาร์โฟนที่วางขายในตลาดก็ล้วนจอใหญ่กว่า 4 นิ้วทั้งสิ้น เพราะงั้นสิ่งแรกที่รู้สึกได้ทันทีในการใช้งาน iPhone SE คือ “จอเล็กจัง”
ถามว่าเป็นปัญหามากไหม ? สำหรับผู้ใช้ที่ปกติก็อยู่กับ iPhone 4, 4s, 5, 5s, 5c ก็คงไม่รู้สึกอะไร เพราะมันก็จอเท่าเดิม แต่ถ้าคุณใช้มือถือที่จอใหญ่กว่านั้น การจะกลับมาใช้จอที่เล็กลง เป็นเรื่องที่ลำบากใจจริงๆ
วันที่ 2-3 : พิมพ์ผิดบ่อย เครื่องเร็วจุง
หลังจากหายตื่นเต้นกับเครื่อง iPhone SE แล้ว (อันที่จริงแทบจะไม่รู้สึกใหม่อะไรเลย เพราะดีไซน์เดิม) ก็เริ่มมาถึงการใช้งานที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน
ผมพบว่าแอพทั่วไปที่เราใช้กันอยู่ มันโหลดเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, LINE, เกมต่างๆ ยิ่งตอนกดสลับไปมาระหว่างแอพจะยิ่งฟิน เพราะแรม 2GB มันทำให้เราสลับแอพได้โดยไม่ต้องโหลดใหม่เลย
แต่ปัญหาของการมาใช้จอที่เล็กลงก็ยังมีอยู่ คือผมพิมพ์ผิดบ่อยมาก ไม่ใช่บ่อยธรรมดา คือบ่อยจนส่งข้อความผิดประจำ รู้สึกได้ทันทีว่าต้องเร่งทำความคุ้นเคยซะใหม่แล้ว
คือนิ้วเราก็ขนาดเท่าเดิมแหล่ะ สมัยก่อนยังใช้ได้ ทำไมตอนนี้ใช้ไม่ได้ฟะ (บอกตัวเอง)
“iPhone SE คือไอโฟนที่คุ้มราคาที่สุดตั้งแต่เคยมีมา” – @Khajochi

วันที่ 3-5 : กล้องโคตรชัด พกพาสะดวก แต่ไม่มีใครดูออกว่าใช้ SE
ผมเริ่มทำสอบรีวิว iPhone SE ทั้งเครื่องและกล้องไปพร้อมๆ กัน ซึ่งการรีวิวกล้องก็ต้องอาศัยการถ่ายภาพที่ในสถานการณ์ต่างๆ เยอะหน่อย ซึ่งข้อดีเลยของเครื่องรุ่นนี้คือพกพาง่ายดี ใส่กระเป๋ากางเกงได้สบายๆ
ถ้าคุณเคยใช้กล้องของ iPhone 6 หรือ 5s, 5 มาก่อนหน้านี้ คุณจะรักกล้องใหม่ใน iPhone SE มาก เพราะมันให้ภาพที่ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด โดยเฉพาะภาพที่ต้องการความคมชัด, ภาพวิว หรือถ่ายกลางคืน
ความรู้สึกในการใช้ถ่ายภาพไม่ต่างจากใช้ iPhone 6s รุ่นท็อปเลยแม้แต่น้อย จะมีบ้างคือจอเล็กทำให้เวลาดูภาพที่เราถ่ายออกมาไม่เต็มตาเท่าไหร่
อีกความรู้สึกแปลกอย่างหนึ่งคือ เป็นครั้งแรกที่ใช้ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดแล้วไม่มีคนดูออกเลยว่าเราใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ (ฮาาา) ถึงแม้จะใช้สีชมพูแล้วก็เถอะนะ
วันที่ 6-7 : ความเคยชินเริ่มมา บอกลา iPhone 6
การจะปรับตัวมาใช้มือถือจอเล็กกว่าเดิมต้องใช้เวลาจริงๆ และพอผ่านไปครบสัปดาห์ ผมก็เริ่มชินกับการใช้จอ 4 นิ้วแล้ว เริ่มพิมพ์ผิดน้อยลง เริ่มไม่รู้สึกว่าจอเล็กจังวุ้ย เริ่มปลื้มกับความไวที่เครื่องให้มา
จริงๆ แล้วชิป A9 ที่ให้มาไม่ได้ทำให้ประทับใจกับการใช้งานได้มากเท่ากับแรม 2GB เพราะเดิมที่ผมใช้ iPhone 6 อยู่ ถึงจะมีแรม 1GB ก็จริง แต่การเปิดหลายแอพมากๆ มันก็โหลดช้าจริงๆ ยิ่งพอใช้ iOS 9 ก็เริ่มรู้สึกว่าแรมเท่าเดิมไม่พอซะแล้ว
สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจบอกลา iPhone 6 ที่ใช้อยู่ ส่งให้คนที่บ้านใช้แทน แล้วตัวเองก็มาใช้ iPhone SE เป็นเครื่องหลัก เพราะเรื่องความเร็ว, ฟีเจอร์อย่าง Live Photo, Siri Hands-Free และความอึดของแบตที่แหล่ะ
จากการทดสอบแบต iPhone SE อยู่ได้นานกว่า 10-11 ชั่วโมง ทั้งที่ตอนทดสอบ iPhone 6, 6s แบตอยู่ได้แค่ 8-9 ชั่วโมงเท่านั้น คงเพราะจอที่เล็กกว่านั่นเอง
บวกกับราคาเครื่องที่ผมว่าคุ้มมากเลยนะ ราคาที่ฮ่องกงกับสิงคโปร์อยู่ที่ 16,000 – 17,000 บาท ซึ่งราคาไทยก็คงไม่ต่างมากนัก เพราะงั้นก็คงต้องบอกเลยว่า “iPhone SE คือไอโฟนที่คุ้มราคาที่สุดตั้งแต่เคยมีมา”
แต่เดี๋ยวก่อน นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไอโฟนรุ่นนี้จะเหมาะกับทุกคนนะ เพราะจอที่เล็กนี่ก็สมควรโดนตัดคะแนนไปเยอะจริงๆ (เพื่อผมหลายคนทำใจไม่ได้ บอกราคาถูกแค่ไหนก็ไม่เอา) รวมถึงถ้าคุณกำลังรอ iPhone 7 แล้วไม่ได้รีบเปลี่ยนมือถือ บางทีรอของเด็ดเลยก็น่าจะดีกว่าไม่น้อยทีเดียว
เรียบเรียงโดย
ทีมงาน MacThai
อ่านเพิ่ม
- รีวิว iPhone SE จิ๋วแต่แจ๋ว แรงขั้นสุด กล้องชัดดีงาม ในราคาที่สัมผัสได้
- iPhone SE เหมาะกับใคร ? ไม่เหมาะกับใคร
- อึ้งไปเลย !! ผลทดสอบเผย iPhone SE แรงกว่า iPhone 6s เสียอีก