Amazon เปิด Fire Phone สมาร์ทโฟนตัวแรก มาพร้อมระบบแสดงผลแบบ 3 มิติ !!

 amazon-fire-phone

ในที่สุดก็มาจนได้ เมื่อ Amazon หนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านไปที เปิดตัวสมาร์ทโฟนตัวแรกของบริษัทแล้วในชื่อ Fire Phone โดยเป็นโทรศัพท์ที่ทำงานบนระบบ Android พร้อมความสามารถใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะหน้าจอที่เป็นระบบ 3 มิติ !!

amazon-fire-phone-001

  • จอขนาด 4.7 นิ้ว
  • ทำงานบนระบบ Fire OS ซึ่งเป็น Android เวอร์ชันที่ Amazon เอาไปทำเอง

amazon-fire-phone-002

  • ซีพียู Quad-core 2.2GHz, ชิปกราฟฟิค Adreno 330
  • แรม 2GB
  • หน้าจอ Gorilla Glass 3

amazon-fire-phone-003

  • กล้อง 13 ล้านพิกเซล f/@2.0

amazon-fire-phone-005

  • ระบบเสียงลำโพง Dolby Digital plus surround

amazon-fire-phone-006

  • หูฟังแบบแม่เหล็กและไม่พันกัน (แซะไอโฟน)
  • รองรับบริการของ Amazon Prime, Prime Music, Netflix, HBO Go, Hulu Plus, ESPN โดยโหลดผ่าน Amazon Store

amazon-fire-phone-004

  • เก็บรูปภาพได้แบบไม่จำกัดบน Amazon Cloud Drive
  • ระบบดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง รับรองว่าใช้เวลารอไม่เกิน 15 วินาที
  • ฟีเจอร์พิเศษ Firefly สามารถใช้กล้องถ่ายภาพสินค้า, บาร์โค้ด, ปกหนัง, หรือใช้เครื่องฟังเพลง แล้วระบบจะหาว่าสินค้านี้คืออะไร แล้วเราไปสั่งซื้อผ่าน Amazon ได้เลย

amazon-fire-phone-2-

  • สินค้าที่ Firefly สามารถจดจำได้มีกว่า 100 ล้านชิ้น ผ่านฐานข้อมูลของ Amazon
  • บนเครื่องมีปุ่มพิเศษสำหรับกดเพื่อใช้บริการ Firefly

amazon-fire-phone-2-001

  • หน้าจอแสดงผลแบบพิเศษเป็น 3 มิติ ขยับจอแล้วเห็นเป็นแนวลึกลงไป เรียกระบบ Dynamic Perspective
  • Dynamic Perspective ต่างจากระบบ parrallax ของแอปเปิล โดย Fire Phone จะใช้ระบบกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหวของใบหน้าผู้ใช้ด้วย ทำให้ถ้าเครื่องอยู่กับที่ แต่เราขยับหัว ภาพก็จะเห็นเป็น 3 มิติได้เช่นเดิม

amazon-fire-phone-2-002

  • ทั้ง Dynamic Perspective และ Firefly จะมี SDK ชุดโปรแกรมให้นักพัฒนาต่อยอดได้
  • ราคาขายแบบติดสัญญา 2 ปีในสหรัฐ รุ่น 32 GB ราคา $199, รุ่น 64 GB ราคา $299 ขายเฉพาะกับค่าย AT&T
  • ราคาขายแบบไม่ติดสัญญา เครื่องละ $650 (ราคาเท่ากับ iPhone ในสหรัฐ)
  • เปิดขาย 25 กรกฏาคม เริ่มเปิดจอง Pre Order แล้วตอนนี้

น่าสนใจว่าสมาร์ทโฟนตัวแรกของ Amazon จะไปได้ไกลขนาดไหน แต่กับตลาดสหรัฐที่ Amazon ถนัดก็น่าจะชนกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Samsung ได้เหมือนกัน

ที่มา – The Verge, Amazon