iPhone 12 รุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร สเป็ค ราคา เปิดตัวเมื่อไหร่

Apple เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 Pro เป็นรุ่นต่อจาก iPhone 11 พร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ปรับปรุงขึ้นจากรุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นจอกระจกแบบใหม่ที่ทนทานกว่าเดิม, 5G, ชิป Apple A14 Bionic

ดีไซน์ของ iPhone 12 เป็นรูปแบบอะลูมิเนียมที่เหลี่ยมกว่าเดิม มีสี 5 สี โดยขนาดหน้าจอยังคงเท่า iPhone 11 ที่ 6.1 นิ้ว แต่ Apple เปลี่ยนไปใช้จอ Super Retina XDR ที่ให้ความละเอียดสูงกว่าถึง 2 เท่า รวมถึงแสงหน้จอที่สว่างกว่าเดิม และลดขอบจอลงทำให้ขนาดตัวเครื่องลดลง

กระจกหน้าจอแบบใหม่ที่ Apple เลือกใช้ Ceramic Shield เป็นวัสดุที่ Apple เคลมว่าแข็งแรงกว่ากระจกหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป ทนต่อการตกมากกว่าเดิม 4 เท่า

สรุป iPhone 12

iPhone 12 รองรับ 5G ที่ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดอย่างรวดเร็ว และปลดล็อกโอกาสในการใช้งานอุปกรณ์อีกหลายอย่างในอนาคต โดยเป็นระบบ 5G Ultrawide Band ที่มีช่องสัญญาณจำนวนมาก ทำให้ความเร็วสูงสุดถึง 4Gbps และ latency ในการใช้งานต่ำ ให้การใช้งานใกล้เคียงกับเรียลไทม์มากที่สุด

Smart Data Mode เพื่อเลือกระบบ data ที่เหมาะสม คือเวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้ 5G ก็จะเลือกใช้ LTE เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ iPhone ก็จะเลือก 5G

ส่วนชิป Apple A14 Bionic ที่พัฒนาต่อไปอีกขั้นหนึ่ง พัฒนาในเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร ซึ่งภายในตัวชิปมีทั้งหมด 11.8 พันล้านทรานซิสเตอร์ มีทั้ง CPU, GPU ที่เร็วกว่าเดิม รวมถึงส่วนอื่นอย่าง Neural Engine, ML Accelerators ก็ได้พัฒนาให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้การทำงานด้าน machine learning และ AI มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

ส่วนกล้องยังคงใช้กล้อง 2 ตัวเหมือน iPhone 11 แต่ปรับปรุงกล้องให้มีรูรับแสงกว้างขึ้น, computational protography ที่ใช้ชิปปรับให้รูปภาพสวยกว่าเดิม และวิดีโอที่คุณภาพสูง, night mode time-lapse สำหรับถ่าย time-lapse ในเวลากลางคืน

ระบบชาร์จแบตเตอรี่ MagSafe ที่ Apple ต้องการปรับปรุงระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายของ iPhone โดย ​Apple จะนำแม่เหล็กมาติดกับ iPhone ให้ iPhone สามารถชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายผ่านระบบชาร์จ MagSafe ได้แบบไม่ต้องกะตำแหน่งชาร์จ และแม่เหล็กนี้ยังคงสามารถใช้เพื่อติดกับอย่างอื่นได้ด้วย อย่างเช่นที่ใส่บัตรหรือเคส ในขณะที่ยังคงใช้กับที่ชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi อื่น ๆ ได้ตามปกติ

สำหรับราคา iPhone 12 อยู่ที่ 799 ดอลลาร์ หรือราว 25,000 บาท สำหรับราคาไทยจะต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

สรุป iPhone 12 Pro

iPhone 12 Pro ใช้หน้าจอ 6.1 นิ้ว ส่วน 12 Pro Max ใช้หน้าจอ 6.7 นิ้ว เป็น Super Retina XDR ทั้งคู่ ใช้หน้าจอกระจกเป็น Ceramic Shield เทคโนโลยีที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง เพื่อให้มีความทนทานสูง

ส่วนชิป Apple A14 Bionic ที่พัฒนาต่อไปอีกขั้นหนึ่ง พัฒนาในเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร ซึ่งภายในตัวชิปมีทั้งหมด 11.8 พันล้านทรานซิสเตอร์ มีทั้ง CPU, GPU ที่เร็วกว่าเดิม รวมถึงส่วนอื่นอย่าง Neural Engine, ML Accelerators ก็ได้พัฒนาให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้การทำงานด้าน machine learning และ AI มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

iPhone 12 Pro และ 12 Pro Max รองรับ 5G ที่ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดอย่างรวดเร็ว และปลดล็อกโอกาสในการใช้งานอุปกรณ์อีกหลายอย่างในอนาคต โดยเป็นระบบ 5G Ultrawide Band ที่มีช่องสัญญาณจำนวนมาก ทำให้ความเร็วสูงสุดถึง 4Gbps และ latency ในการใช้งานต่ำ ให้การใช้งานใกล้เคียงกับเรียลไทม์มากที่สุด

สำหรับตัวกล้อง iPhone 12 Pro จะยังคงกล้อง 3 ตัวคือไวด์, อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้ที่ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม, มีระบบกันสั่นแบบ sensor-shift ที่จะใช้การเคลื่อนย้ายเซนเซอร์เพื่อลดการสั่นไหวของกล้อง ให้กล้อง iPhone สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์

Apple ยังเปิดตัวระบบ RAW สำหรับกล้องบน iPhone ในชื่อว่า ProRAW เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับรูปภาพบน iPhone เพื่อให้ได้ภาพที่ดีกว่าการเก็บในฟอร์แมตปัจจุบันที่มีข้อมูลไม่ละเอียดพอที่จะตกแต่งรูปหลังจากแต่งมากนัก และรูป ProRAW ที่ถ่ายจาก iPhone สามารถแก้ไขจาก Photos ได้เลย

ส่วนระบบวิดีโอ iPhone 12 Pro รองรับ HDR Video Recording รองรับการอัดวิดีโอแบบ 10-bit HDR บน iPhone และเสียง Dolby Vision ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 60 เฟรมต่อวินาที และระบบกันสั่นระดับภาพยนตร์

ระบบชาร์จแบตเตอรี่ MagSafe ที่ Apple ต้องการปรับปรุงระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายของ iPhone โดย ​Apple จะนำแม่เหล็กมาติดกับ iPhone ให้ iPhone สามารถชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายผ่านระบบชาร์จ MagSafe ได้แบบไม่ต้องกะตำแหน่งชาร์จ เพราะที่ชาร์จจะติดกับตัวเครื่องในตำแหน่งที่ถูกต้องเอง และแม่เหล็กนี้ยังคงสามารถใช้เพื่อติดกับอย่างอื่นได้ด้วย อย่างเช่นที่ใส่บัตรหรือเคส ในขณะที่ยังคงใช้กับที่ชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi อื่น ๆ ได้ตามปกติ

LiDAR ระบบเพื่อปรับปรุงการใช้งาน AR เหมือนกับที่ใส่มาแล้วบน iPad Pro เพื่อให้การใช้งาน AR สมจริงมากยิ่งขึ้น รวมถึง iPhone จะใช้ LiDAR ในการปรับปรุงออโต้โฟกัสในพื้นที่แสงน้อยให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 6 เท่า

สำหรับ iPhone 12 Pro เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ หรือราว 31,000 บาท ส่วน iPhone 12 Pro Max จะเริ่มที่ราคา 1,099 ดอลลาร์ หรือราว 34,000 บาท

สรุป iPhone 12 mini

Apple เปิดตัว iPhone 12 mini ซึ่งเป็น iPhone รุ่นที่มีหน้าจอขนาดเล็กลง ขนาดโดยรวมของ iPhone 12 mini จะยังคงใกล้เคียงกับ iPhone SE แต่จุดที่แตกต่างคือ iPhone mini จะให้หน้าจอที่กว้างกว่าที่ 5.4 นิ้ว

ฟีเจอร์หลัก ๆ ของ iPhone 12 mini จะยังเหมือนกับ iPhone 12 ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น 5G, MagSafe, กระจกเสริมความทนทานแบบใหม่ รวมถึงหน้าจอ Retina Display XDR ที่ให้ความละเอียดของหน้าจอดี ในขณะที่ Apple จะใส่ขนาดที่เล็กลงกว่า iPhone 12 รุ่นธรรมดา เพื่อจับกลุ่มตลาดที่ต้องการมือถือขนาดไม่ใหญ่มากนัก

Apple จะวางขาย iPhone 12 mini ในราคาเริ่มต้น 699 ดอลลาร์ หรือราว 22,000 บาท ส่วนราคาไทยให้รอประกาศจาก Apple ประเทศไทยต่อไป