รวม 5 ซอฟต์แวร์ที่สุดของ Apple ในปี 2025

ในปี 2025 เป็นปีที่ซอฟต์แวร์ของแอปเปิลก้าวหน้ามากขึ้น โดยฟีเจอร์ที่ออกมาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่วิชวล และประสิทธิภาพในการทำงานที่มีการอัปเดตกันตลอดปี แต่ก็มีบางฟีเจอร์ที่โดดเด่นจดอดพูดถึงไม่ได้ ซึ่ง MacThai ยกมาให้ 5 ฟีเจอร์ใหม่ที่สะท้อนไปถึงจุดโฟกัสในอนาคตของแอปเปิลกันครับ

Liquid Glass

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในปีนี้คือการเปิดตัว Liquid Glass ที่เป็นทั้งการออกแบบวิชวลใหม่ของระบบปฏิบัติการ โดย UI ของแอปเปิลจากแบบทึบก็โปร่งแสงมากขึ้น พร้อมมีการหักเหและสะท้อนของไอคอนเวลาซ้อนทับเก็บรายละเอียดได้ดี พร้อมพื้นผิวที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวต่าง ๆ แบบคิดมาแล้วด้วย

เพราะแทนที่จะลอยอยู่เหนือพื้นผิว แต่แอปเปิลกลับออกแบบให้มีการทับซ้อนผสานกับสภาพแวดล้อมในการใช้งานที่ควรจะเป็นได้ดี และยังเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงไปกับทั้ง iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV ด้วย

Multitasking on iPad

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของไอแพดก็คือ การเปิดตัวระบบมัลติทาส์กกิงแบบใหม่ทั้งหมดพร้อมหน้าต่าง Menu Bar แบบ macOS และเคอร์เซอร์ใน iPadOS 26 หรือการที่แอปสามารถทำงานในหน้าต่างที่ปรับขนาดได้อย่างอิสระ แทนที่จะถูกจำกัดด้วยเลย์เอาต์ split-screen แบบตายตัว

ทำให้หน้าต่างหลายหน้าต่างสามารถซ้อนทับกันได้บนหน้าจอ พร้อมกับนี้ Menu Bar ปรากฏที่ด้านบนของหน้าจอเมื่อเรียกใช้ แสดงคำสั่งแอปในรูปแบบที่มีโครงสร้างและค้นหาได้ คล้ายกับ macOS

เพราะแทนที่จะให้ผู้ใช้ปรับตัวเพื่อใช้เวิร์กโฟลว์เดสก์ท็อปกับโมเดลที่เน้นทัชสกรีน แอปเปิลก็นำสไตล์การใช้งานแบบเดสก์ท็อปเข้ามาใน iPadOS ไปด้วย ซึ่งตอบโจทย์ข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับข้อจำกัดของซอฟต์แวร์บนไอแพด

Spotlight on Mac

Spotlight บน Mac ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเปลี่ยนจากเครื่องมือค้นหาแบบพาสซีฟเป็นอินเทอร์เฟซคำสั่งที่เน้น actions คล้ายกับแอป third-party เช่น Alfred หรือ Raycast โดย Spotlight ใน macOS Tahoe สามารถดำเนินการนับร้อยอย่างได้โดยตรงจากช่องค้นหาเลย

ซึ่ง ผู้ใช้สามารถสร้างและแก้ไขโน้ต ส่งอีเมลและข้อความ ตั้งตัวจับเวลา เรียกใช้ Shortcuts ปรับการตั้งค่าระบบ และดำเนินคำสั่งเฉพาะแอปโดยไม่ต้องเปิดแอปที่เกี่ยวข้องได้ อีกทั้ง Spotlight ตอนนี้รวมประวัติคลิปบอร์ดในตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถดูและใช้ข้อความหรือรูปภาพที่คัดลอกก่อนหน้านี้ได้โดยตรงจากอินเทอร์เฟซด้วย

Live Translation

ฟีเจอร์การแปลแบบเรียลไทม์ตอนนี้ทำงานใน Messages, FaceTime และแอปต่าง ๆ ของแอปเปิลที่ต้องการการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ และ ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติในขณะที่อ่านคำแปลไปพร้อม ๆ กับการสนทนาได้

นอกจากนี้แอปเปิลยังขยายฟังก์ชัน Live Translation ไปยัง AirPods ทำให้สามารถแปลคำพูดแบบเรียลไทม์ได้โดยตรงผ่านหูฟังระหว่างการสนทนาแบบเห็นหน้ากัน และ เมื่อเปิดใช้งาน Live Translation แล้ว เสียงพูดจากภาษาอื่นจะถูกแปลบนไอโฟนที่จับคู่ไว้และเล่นใน AirPods ของผู้ใช้

Communication Screening และ Hold Assist

Call Screening ช่วยให้ไอโฟนรับสายจากหมายเลขที่ไม่รู้จักแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ โดยจะมีระบบถามผู้โทรให้ระบุตัวตนและอธิบายเหตุผลในการโทร จากนั้นแสดงการถอดเสียงแบบเรียลไทม์ของคำตอบให้ผู้ใช้ดูก่อนที่สายจะเชื่อมต่อให้คุยกันแบบปกติ

ส่วน Hold Assist คือการที่ผู้ใช้ถูกพักสายระหว่างการโทร ไอโฟนจะอยู่ในคิวแทนและตรวจสอบสายจนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มารับสาย เมื่อระบบตรวจพบว่าสายกลับมาแล้ว จะแจ้งเตือนผู้ใช้ให้กลับมาที่การสนทนาทันที

ซึ่งในแอป Messages แอปเปิลก็ทำการคัดกรองที่เข้มงวดขึ้นสำหรับผู้ส่งที่ไม่รู้จัก ทำให้ก ข้อความจากหมายเลขที่ไม่ได้อยู่ในผู้ติดต่อจะถูกนำไปยังพื้นที่แยกโดยอัตโนมัติ ป้องกันสแปมและการหลอกลวงที่อาจเกิดขึ้นออกจากรายการการสนทนาหลักด้วย

โดยสรุปแล้วทั้ง 5 ฟีเจอร์นี้ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่า แอปเปิลเน้นไปที่การพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ในทุกมิติ จาก Liquid Glass ที่เปลี่ยนโฉมหน้าตา UI ทั้งหมด ไปจนถึงความสามารถใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การทำงานและการสื่อสารง่ายขึ้น ทำให้ปี 2025 ยังคงเป็นปีที่ซอฟต์แวร์ของแอปเปิลก้าวกระโดด ต่อให้จะมีหลายคนที่รอ Siri เวอร์ชันอัจฉริยะอยู่ก็ตาม

ที่มา – https://www.macrumors.com/2025/12/30/5-most-important-software-features-introduced-this-year/