แชร์ 5 ฟีเจอร์ใหม่ที่มีบน AirPods Pro 2

AirPods 2 นับเป็นหูฟังที่มีการอัปเดตคอ่นข้างแกร่งระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเปิดตัวมาก็ยังมีเพิ่มฟีเจอร์ใหม่มาทั้งหมด 5 อย่าง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว!

โหมดควบคุมเสียง

AirPods Pro 2 มีโหมดควบคุมเสียงรบกวนสามโหมดอยู่แล้ว โดยการตัดเสียงรบกวนจะปิดเสียงรอบตัวแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้นขณะที่สวมหูฟัง แต่ครั้งนี้จะมีโหมดที่ปรับเปลี่ยนได้มิกซ์กันมากขึ้น เช่น การผนวกโหมด Transparency และโหมด Active Noise Cancellation เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีขณะฟังเพลงตอนเจอสภาพแวดล้อมรอบตัวไปด้วย

เพราะมันจะไม่ปิดกั้นเสียงสภาพแวดล้อมจนเกินไป เพื่อให้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ และการสลับโหมดก็จะมีควมสมูธมากขึ้นเช่นกัน เพราะเป็นการเล่นเสียงเปลี่ยนโหมดที่มีความต่อเนื่อง

โหมด Conversation Awareness

AirPods ในปี 2017 ช่วยให้หยุดเพลงที่เล่น และฟังเสียงสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ โดยการกดหยุดชั่วคราว และถอดหูฟังออกจากหูแบบปกติ แต่โหมด Conversation Awareness ถือเป็นแนวคิดใหม่ที่มีวิธีใช้ค้ลายกัน

โดยโหมดนี้ใน AirPods 2 จะสามารถลดระดับเสียงของเราลงได้อัตโนมัติ และจะปรับระดับเสียงของผู้พูดที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดเจนขึ้นเมื่อมีการพูดคุยกันเกิดขึ้น พร้อมลดเสียง Background Noise ให้เองด้วย

โหมด Mute หรือ Unmute

แม้การ Mute หรือ Unmute เสียงอาจฟังไม่ได้ดูน่าตื่นเต้นเท่ากับโหมด Adaptive Audio และ Conversation Awareness แต่ก็ทำให้การใช้งาน AirPods Pro 2 มีความสะดวกพอ ๆ กัน โดยเฉพาะกับการโทร

เพราะสามารถ Mute และ Unmute เสียงของตัวเองได้ง่ายขึ้นระหว่างคุยและโทรผ่าน AirPods Pro 2 เพียงแค่กดตรงก้านหูฟังเพื่อ Mute เสียง และกดอีกครั้งเพื่อ Unmute เสียงให้กลับมาตามเดิม โดยไม่จำเป็นต้องดึงไอโฟนออกมากด

โหมด Personalized Volume

เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของโหมด Adaptive Audio ที่แอปเปิลเปิดตัวใน iOS 17 โดยจะสามารถปรับระดับเสียงแบบส่วนตัวได้มากขึ้น โดยไอโฟนจะมีการเรียนรู้ระดับเสียงส่วนบุคคลที่ใช้บ่อย ๆ อย่างระดับเสียงที่ฟังประจำ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ฟังที่ดี และเหมาะสมทุกสถานที่ทุกเวลา

และยิ่งใช้ AirPods ตามปกติมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีการเก็บข้อมูล และเรียนรู้การฟังของแต่ละคนมากขึ้นเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งถึงจะพอจับได้ว่าระบบมีการปรับเปลี่ยน

การสลับอุปกรณ์ด้วย Automatic Switching

นับเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนน่าจะชอบเพราะมีความสะดวกที่สุด สำหรับคนที่กำลังใช้ AirPods และอยากเปลี่ยนมาฟังกับอุปกรณ์อื่น เช่น iPad, iPhone หรือ Mac อีกเครื่องของตัวเอง เป็นต้น

ที่มา – 9to5Mac