Apple โดนฟ้องร้องคดีแบบกลุ่ม เพราะเรื่องความเป็นส่วนตัวคือ ‘ภาพลวงตา’
แม้แอปเปิลจะเป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องให้ความปลอดภัยกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากที่สุด แต่กลับมีนักวิจัยด้านความปลอดภัยของข้อมูลพบว่า ทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เพราะมีการส่งข้อมูลจำนวนมาก โดยไม่สนการเชื่อมต่อ VPN และส่งตรงไปยังแอปเปิลเอง
https://twitter.com/mysk_co/status/1588308341780262912?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1588308341780262912%7Ctwgr%5E19c3824b019a68b670439eb510603b9349a6cc7b%7Ctwcon%5Es1_&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.beartai.com%2Fnews%2Fmobilenews%2F1174760
นักวิจัยคนนี้มีชื่อว่า Tommy Mysk โดยเขาได้ทำการทดสอบด้วยตัวเอง ว่ามีการเข้าถึงที่อยู่ IP ใดบ้าง เมื่อ VPN เปิดใช้งาน และพบว่ามีสต็อกแอปของแอปเปิลจำนวนมาก ไม่ได้สนอุโมงค์การเชื่อมต่อของ VPN แต่กลับมีการเชื่อมต่อโดยตรงกับเซิรร์ฟเวอร์ของแอปเปิลเลย
ซึ่งหมายความว่าข้อมูลทั้งหมดที่ส่งเข้า และออกจากเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ มีความเสี่ยงจากการสอดแนมโดย ISP หรือแฮ็กเกอร์ที่ดำเนินการโจมตีแบบคนกลาง โดยใช้ฮอตสปอต Wi-Fi ปลอมที่สร้างขึ้นมาง่าย ๆ ด้วย
ซึ่งก่อนหน้านี้ Mysk ค้นพบว่าแอป Mail บน Apple Watch ไม่ได้ใช้คุณสมบัติ Mail Privacy Protection เพื่อป้องกันเลย แต่กลับมีการแก้ไขในภายหลัง
และทุกครั้งที่ตั้งค่าให้ไอโฟนเครื่องใหม่มีการถามเรื่องการยินยอมให้แอปเปิลเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ หากใครกดปฏิเสธความยินยอมนี้ไป ก็คงคิดว่าไม่มีข้อมูลถูกส่งไป แต่จริง ๆ แล้วมันถูกส่งไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้
เพราะแอปเปิลกำลังรวบรวมข้อมูล และส่งข้อมูลโดยไม่ได้คำนึงถึงการตั้งค่าความปลอดภัยที่มีเท่าไหร่นัก ฉะนั้นจึงไม่มีความต่างเลยว่าจะเลือกยินยอม หรือไม่ยินยอมในคำถามนี้
และในขณะที่ผู้ใช้เรียกดูแอป App Store ข้อมูลการใช้งานก็จะถูกส่งเข้าไปแบบเรียลไทม์เช่นกัน ทั้งวิธีที่ผู้ใช้งานพบแอปที่ค้นหา หรือระยะเวลาที่ใช้ดูหน้าแอป พร้อมข้อมูลประกอบด้วย ID เพื่อจับคู่ลักษณะการทำงานกับโปรไฟล์ผู้ใช้ด้วย
ส่วน Apple Music, Apple TV ด้าน Mysk ก็กำลังจะตรวจสอบต่อไปเช่นกัน ซึ่งในตอนนี้เริ่มมีการยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่มในแคลิฟอร์เนียบ้างแล้ว โดยคดีดังกล่าวกล่าวหาว่าแอปเปิละเมิดกฎหมาย “California Invasion of Privacy Act” ที่มีความเป็นส่วนตัวเป็นประเด็นหลัก ที่แอปเปิลใช้เพื่อแยกผลิตภัณฑ์ของตนออกจากคู่แข่ง
ทำให้การรับประกันเรื่องความเป็นส่วนตัวของแอปเปิลนั้นกลายเป็นเพียงภาพลวงตา หลังจากที่มีป้ายโฆษณาเผยสโลแกนว่า “Privacy. That’s iPhone.”
แต่วิธีการธีปิดใช้งานการแชร์ข้อมูลวิเคราะห์กับแอปเปิลสำหรับผู้ใช้ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนนักว่าควรทำอย่างไรต่อไป และแอปเปิลเองก็ยังไม่ออกแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้
ที่มา – 9To5Mac