10 สิ่งน่าชื่นชมที่ Apple ทิ้งไว้ในทศวรรษที่ผ่านมา (2010-2019) และความท้าทายใหม่ที่ต้องเจอ

สำหรับในทศวรรษที่ผ่านมา (2011-2019) Apple นอกจากจะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็น Transition เปลี่ยนผ่านอำนาจที่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเทคโนโลยีผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีกลายมาเป็นผู้นำตลาดทั่วโลกและมีมูลค่าสูงอย่างฉุดไม่อยู่ ในแง่ของนวัตกรรมนั้น Apple เองก็ได้ทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างไว้ให้กับโลก

ในตอนนี้เราจะมาลองย้อนความจำกัน ว่าในช่วงทศวรรษมที่ผ่านมา Apple ได้ทำอะไรไว้บ้าง โดยเราจะไม่ได้พูดว่า Apple เปิดตัว Product อะไรบ้าง ดีหรือไม่ดี แต่เราจะพูดถึงภาพรวมและความเปลี่ยนแปลง ตลอดไปจนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น

1. Tim Cook คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ Steve Jobs ทิ้งไว้ให้

ในปี 2011 Steve Jobs ได้บอกลา Apple อย่างเป็นทางการ ก่อนที่อาการของเขาจะทรุดหนักและเสียชีวิตอย่างสงบในปลายปีนั้นเอง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต Tim Cook ฉายาเจ้าพ่อ Supply Chain แห่ง Apple ได้กลายมาเป็น CEO แทน ในตอนนั้นหลายคนมองว่า Tim Cook อาจจะทำ Apple ได้ไม่ดีเท่า Steve Jobs แต่ Tim Cook นั้นได้พิสูจน์มาแล้วว่าเขาไม่จำเป็นต้องเป็น Steve Jobs สินค้าในส่วนของ Apple Watch นั้นเริ่มต้นหลังจากที่ Jobs เสียชีวิต iPhone 6 เป็น iPhone รุ่นที่ Jobs แทบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และนโยบายการค้าต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในยุคของ Tim Cook

แม้กระทั่ง Wired ยังออกมาวิเคราะห์ว่าทำไม Tim Cook ถึงเป็น CEO ที่ดีกว่า Steve Jobs สรุปออกมาว่าแม้ Jobs จะเป็นนักนวัตกรรม แต่การบริหารจัดการ และกลยุทธ์ Tim Cook ทำได้ดี และพา Apple ไปถึงจุดที่เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

2. iPhone และ App Store พลิกโฉมโลก และการสื่อสาร

ในช่วงแรกนั้น iPhone ไม่ได้เปิดให้ 3rd Party สามารถลงแอพได้ แต่หลังจากการมาของ App Store ทำให้เกิดแอพต่าง ๆ ขึ้นมากมาย รวมไปถึงการจุดชนวนการพัฒนา Social Network และ Instant Message อย่าง Instagram, LINE, Whatsapp ที่เป็น Social Network ที่เกิดขึ้นได้เพราะมี iPhone ทั้งหมด

ด้วยสิ่งนี้เป็น Momentum ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติวงการการสื่อสาร Application กลายเป็นมาตรฐานของธุรกิจใหม่ ในอดีตใครจะไปรู้ว่าจะมีบริษัทพันล้านหมื่นล้านจากการแค่สร้างโปรแกรมที่รันบนโทรศัพท์มือถือ และสิ่งนี้ก็ได้ฆ่าเทคโนโลยีที่เรียกว่า Java write once run anyware และ Flash อย่างราบคาบ

Application กลายเป็นคำใหม่ ธุรกิจใหม่ โอกาสใหม่ ทำให้เราได้มี Uber, Grab, Airbnb, Wongnai และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนแต่เกิดจากแนวคิดว่า iPhone ควรเปิดให้ใครก็ได้มาลงแอพ แม้ว่าไอเดียนี้ Steve Jobs จะต่อต้านมากในตอนแรกก็ตาม

3. Apple Watch ทำให้อุปกรณ์สวมใส่เป็นความจริง

จริง ๆ แล้วการพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ หรือการเอาคอมพิวเตอร์มาอยู่บนร่างกายเรานั้น เกิดขึ้นมาซักพักแล้ว จากการพัฒนาใน MIT Media Lab ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอุปกรณ์ Wearable Devices และ Sensor บนร่างกายในมุมของ Product ทั่วไป ซึ่ง Apple ก็ได้ทำให้ Apple Watch กลายเป็นมาตรฐาน แม้ว่า Apple จะไม่ได้เป็นเจ้าแรกที่เปิดตัว Smart Watch และโดน Samsung ตัดหน้าในช่วงปี 2013 แต่หลังจากที่ Apple เปิดตัว กระแสของ Smart Watch กลับเป็นเรื่องปกติทั่วไป ทั้งในมุมของความ Geek และในมุม Fashion

ปัจจุบัน Apple Watch ได้สร้างประโยชน์มากมายให้กับโลก ในด้านของสุขภาพ ความบันเทิง การกระตุ้นให้คนมาออกกำลังกาย และเทรนของ Wearable Device นั้นก็ดังเป็นพลุแตกจนถึงปัจจุบัน

4. ลาขาด Design แบบ Skeuomorphism 

หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงในด้านการออกแบบ หลังจากที่ Apple ใช้วิธีการออกแบบแบบ Skeuomorphism หรือการแทนที่ UI บนหน้าจอด้วยวัตถุจริง ๆ มาเป็นแบบ Flat Design คือใช้เส้น ไอคอน และสี ในการสร้างความแตกต่างของ UI เป็นหนึ่งในสิ่งที่ Apple ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับงานออกแบบของตัวเอง ตั้งแต่ iOS 7, Mac OS X Yosemite เป็นต้นมา

ปัจจุบัน Apple มี Guideline การออกแบบ UI ของตัวเองที่ค่อนข้างแข็งแรง และเป็นเอกลักษณ์

5. ลาขาดสายไฟ ช่องเสียบซีดี และพอร์ตเชื่อมต่อ

ในปีที่ผ่านมา Apple ได้ฆ่าการต่อสายต่าง ๆ ช่องเสียบซีดี และการปรับพอร์ตเชื่อมต่อบน MacBook รุ่นต่าง ๆ ให้เหลือแทบจะ USB-C เพียงอย่างเดียว เป็นการเปิดทางสู่การเชื่อมต่อแบบไร้สาย iPhone 7 เปิดตัวมาพร้อมกับการที่ไม่มีรูหูฟัง ตามมาด้วยการเปิดตัว AirPods หูฟังไร้สายที่ขายดีถล่มทลายจนของไม่พอขาย

หลายครั้งที่ Apple โดนด่าว่าตัดออกเร็วเกินไป แต่ก็ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปเริ่มตอนไหนดี

6. ยืนหนึ่งด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และยังไม่เคยมีกรณีอื้อฉาว  

การเข้ามาของการรุกร้ำข้อมูลส่วนตัวที่ทำให้ Facebook โดนถล่มไปอย่างเละเทะ ทำให้ทั่วโลกกลับมาตั้งคำถามถึงกรณีความเป็นส่วนตัวอีกครั้ง เราได้เห็นความอื้อฉาวจากฝั่ง Facebook ฝั่ง Google แต่กรณีของ Apple นั้นยอมรับว่าก็มีบ้าง แต่ยังไม่เคยมีกรณีใหญ่ถึงขั้นทำลายความน่าเชื่อถือของบริษัทในมุมมองของเรา Apple ยังได้เลือกนำจุดนี้มาเป็นจุดขายของสินค้า เช่น การเข้ารหัส การไม่ส่งข้อมูลส่วนตัวขึ้นไปบน Server และการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานขั้นสูงสุด

7. iPhone ที่ยังคงนำตลาด Smartphone

ในปี 2017 Apple ได้ฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone ซึ่งก็ยังคงนำตลาด Smart Phone และครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ไม่น้อย ซึ่งความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า iPhone เปิดตัวแค่รุ่นละปีเท่านั้น ทำให้ในปี 2010 – 2019 Apple เปิดตัว iPhone ออกมาแค่ 9 รุ่น และนับฟีเจอร์ใหม่ได้เลย แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมด้วยการบริหารจัดการความคาดหวังของผู้ใช้งานที่น่าชื่นชม

8. iPad จากอุปกรณ์ที่ไม่มีอะไร กลายมาเป็นมาตรฐานที่ทุกคนต้องมี

ในปี 2010 Apple เปิดตัว iPad แบบงง ๆ เพราะโลกไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อะไรกันแน่ จนมาถึงการเปิดตัว iPad 2 ที่พอจะมีรูปมีร่างบ้าง ปัจจุบัน iPad แทบจะเป็นคำสามัญที่ใช้เรียก Tablet ทั่วไป และเป็นอุปกรณ์ที่เราพบกันได้ตั้งแต่ในสำนักงาน ในโรงเรียน โรงงาน หรืออุตสหกรรมการบิน ตลอดไปจนร้านอาหารที่ให้สั่งอาหารผ่าน iPad

iPad Pro ก็กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่จะมาแทนที่คอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ หลังจากที่ Apple หันมาทำ iPadOS อย่างจริงจังแยกกับ iOS เดิมที่ใช้บน iPhone และ iPad ก่อนหน้านี้

9. iCloud บทพิสูจน์ใหม่ของข้อมูลที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้

เทคโนโลยี Cloud ในฝั่งของผู้ใช้งานทั่วไปนั้น เปิดตัวมาพร้อมกับ iCloud ในปี  2011 ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่ Steve Jobs เปิดตัวชิ้นสุดท้ายบนเวที WWDC 2011 ในตอนนั้น Apple พลาดจาก MobileMe ซึ่งเป็นบริการแนว ๆ เดียวกัน จนสุดท้าย iCloud ได้สร้างมาตรฐานใหม่ ทุกวันนี้เราซื้อ iPhone เครื่องใหม่ ไม่ต้องมาย้ายชื่อผู้ติดต่อ ย้ายเพลง ย้ายรูป เพราะทุกอย่างถูก Sync กันผ่าน iCloud แบบไร้สาย

ยิ่งเทคโนโลยี 3G และ 4G พัฒนาขึ้นเท่าไหร่ การใช้งานบน Cloud ก็ราบรื่นขึ้นเท่านั้น ทำให้เกิดบริการอย่าง iCloud Music Libary และ Apple Music ในที่สุด บริการ iCloud ยังพัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อ Apple เปิดให้เราเข้าถึงไฟล์บน iCloud ผ่าน iOS ทำให้การทำงานระหว่าง iOS, iPadOS และ macOS ราบรื่นมากขึ้นนั่นเอง

10. DNA ที่อาจเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายไม่เคยเปลี่ยนแปลง

บทสรุปสุดท้าย หลายคนอาจจะมองว่า Apple เปลี่ยนไปหรือเปล่า Steve Jobs อยู่น่าจะดีกว่านี้ จริง ๆ แล้วต้องบอกก่อนว่าคงไม่มีบริษัทไหนที่ไม่พัฒนา เพราะถ้าเรายังจมอยู่กับคำว่า Steve Jobs อยู่ ตอนนี้ Apple อาจจะเป็นแบรนด์ที่ Jobs มาก ๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด เราเชื่อว่า Apple นั้นโฟกัสที่เป้าหมายมากกว่าสนวิธีการ เช่น การทำสินค้าที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ซึ่งการจะทำแบบนี่ได้ต้องอาศัยกระบวนการคิดที่ซับซ้อน บางทีเราก็ไม่อาจไปเข้าใจทั้งหมดได้ เพราะทาง Apple เองก็คงไม่ได้เล่า Process การคิดงานทั้งหมดออกมา แต่ผลที่ออกมานั้น ก็น่าชื่นชม กับการยังครองพื้นที่ทั้งในกระเป๋าของเรา ในสื่อ และในตลาดหุ้นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ความท้าทายใหม่ที่ Apple ต้องเจอ

ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา Apple เจอคู่แข่งตัวสำคัญคือจีน จีน แล้วก็จีน เทคโนโลยีของจีนตอนนี้ ไม่ได้เป็นของก็อปอีกต่อไป เราได้เห็นกล้อง Huawei ที่แสดงถึงโคตรขุมพลัง และสินค้าจาก XiaoMi ที่ราคาถูกและงานดีไซน์น่าคบหา ไปจนถึง Social Media ต่าง ๆ ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ จีนก็เป็นคู่แข่งตัวสำคัญของทุกวงการนั่นแหละ แต่สำหรับ Apple ที่เป็น Leading ด้านเทคโนโลยีฝั่งตะวันตกนั้น อาจจะต้องมีกลยุทธ์เพื่อแก้เกมกลับ ทั้งสร้างมิตร สร้างการต่อรอง เราจะเห็นว่าช่วงหลังผู้บริการระดับสูงของ Apple บินไปจีนค่อนข้างบ่อย และมี Apple Store ในจีนเยอะมาก ก็ต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

สุดท้ายแล้ว ก็ต้องติดตามกันว่าในทศวรรษต่อไป Apple จะทำอย่างไร เมื่อโลกเปลี่ยนเร็วกว่าตอนที่ Steve Jobs มีชีวิตอยู่หลายเท่าตัว Tim Cook จะออกเมื่อไหร่ (ฮา) และใครจะมาดู Apple ต่อ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน MacThai