รีวิว AirPods พร้อมเคสชาร์จแบบไร้สาย ดีไหม ใครควรซื้อ มีอะไรใหม่บ้าง
หลังจากเวลาผ่านไป 2 ปี ซึ่งยาวมากสำหรับการรอคอยสินค้าใหม่ซักชิ้นนึง AirPods ของใครหลายคนก็อาจจะเริ่มเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะเป็นแบตเสื่อม หรือชาร์จไม่เข้า หรือบางคนก็อาจจะทำหายไปแล้ว ในที่สุด Apple ก็เปิดตัว AirPods รุ่นที่ 2 ที่เป็น Minor Update แต่มาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นเล็กน้อยในหน้าตาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือราคาและฟีเจอร์หลัก 2-3 อย่าง
ทีมงาน MacThai เพิ่งได้รับ AirPods ในรุ่นที่ 2 หลังจากที่สั่งกับ Apple Store Online ไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน และของเดินทางมาส่งวันที่ 9 เมษายน ซึ่งเร็วพอสมควรและได้ในระดับไล่เรี่ยกันสำหรับคนที่สั่งของรอบแรก ซึ่งตอนแรก Apple แจ้งว่าจะได้ของปลายเดือนเมษายน แต่เวลาก็ปรับให้เร็วขึ้นซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเหตุผลอะไร (หรือสินค้าอาจจะไม่ได้ขายดีอย่างที่คาด ?)
แกะกล่องรีวิว Apple AirPods 2 มีอะไรใหม่บ้าง
สำหรับ Apple AirPods ที่เราสั่งมานั้นเป็นในรุ่น AirPods with Wireless Charging Case หรือรุ่นใหม่พร้อมกับเคสชาร์จไร้สาย ซึ่งจากรุ่นทั้งหมดนี้ Apple ได้แบ่งการขายออกเป็น 2 อย่างด้วยกันคือ
- AirPods พร้อมเคสชาร์จแบบไร้สาย (อันนี้มีฟีเจอร์ Hey Siri + ปรับปรุงใหม่ ใช้ชิป H1) ราคา 7,790 บาท
- AirPods พร้อมเคสแบบธรรมดา (แต่มีฟีเจอร์ Hey Siri + ปรับปรุงใหม่ H1) ราคา 6,500 บาท
ซึ่งหมายความว่า Apple เลิกขาย AirPods เวอร์ชั่นแรกไปแล้วจริง ๆ และแทนที่ด้วย AirPods ในรุ่นที่ 2 ทั้งหมด
สำหรับกล่องของตัว AirPods with Wireless Charing Case นั้น ก็มีทั้งขนาดและรูปร่างที่ไม่ได้แตกต่างจาก AirPods รุ่นแรกแต่อย่างใด ต่างกันที่ชื่อที่เขียนอยู่ด้านข้างแค่นั้นเอง ส่วนสิ่งที่มีมาให้ในกล่อง ก็ไม่ได้ต่างจากรุ่นเดิมซะเท่าไหร่ ประกอบไปด้วย
- ตัวหูฟัง AirPods รูปร่างคล้ายเดิม
- เอกสารคู่มือการใช้งาน
- สาย Lightning สำหรับชาร์จ (เสียดายที่ AirPods ยังไม่เปลี่ยนไปใช้ USB-C)
แค่นี้จริง ๆ เหรอ ใช่ครับ แค่นี้ ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับ Apple ในการใส่นู่นนี่มาในกล่องสินค้าอยู่แล้ว ตามสไตล์ Apple
มาดูที่หน้าตาของ AirPods นั้น ในรุ่น Wireless Charging Case จะแตกต่างจากรุ่นอื่นเล็กน้อยตรงที่ไฟบอกสถานะการชาร์จจะอยู่ตรงหน้าของกล่อง จากเดิมที่ต้องเปิดฝาออกถึงเห็น ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าไฟชาร์จเต็มหรือยัง หรือชาร์จเข้าไหม (ในกรณีที่ไม่ได้มีไฟบอกที่ตัว Charging Pad)
ในส่วนของหน้าตาตรงอื่น ๆ นั้นบอกได้เลยว่า ถ้าไม่สังเกตก็จะแยกไม่ออกเลยว่าอันนี้เป็น AirPods รุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า เพราะทั้งขนาดกล่อง และตัวหูฟังเองก็เหมือนเดิม
ลองเล่นฟีเจอร์ใหม่ ชาร์จไร้สาย Hey Siri, เชื่อมต่อไวขึ้น
สิ่งที่มาใหม่ใน AirPods รุ่นใหม่นั้น ตามที่ Apple บอกก็มีประมาณ 2-3 อย่างได้แก่ รองรับการชาร์จแบบไร้สาย, สามารถเรียก Hey Siri ได้ และมาพร้อมกับชิป H1 ทำให้เชื่อมต่อไวขึ้น แต่เสียงไม่ได้มีคุณภาพดีขึ้นแต่อย่างใด และมีแบตที่ทนมากขึ้น
การชาร์จไร้สายนั้นก็คงไม่ต้องให้บอกว่าทำยังไง ก็แค่เอาไปวางบนแท่นชาร์จที่รองรับมาตรฐาน Qi แค่นั้น เวลาที่ใช้ในการชาร์จให้เต็มนั้นอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง รวมระยะเวลาในการใช้งานต่อ 1 การชาร์จเต็มที่ 24 ชั่วโมง (พอแบตที่ตัวหูฟังหมดก็ใส่ลงมาในกล่อง) ทำให้เราสามารถใช้งานได้ประมาณ 1-2 วันต่อการชาร์จ 1 รอบเลยทีเดียว
จากที่ใช้มา AirPods ที่ซื้อมาใหม่จะไม่ค่อยมีปัญหากับแบต แต่พอผ่านไป 2-3 ปี เราจะเริ่มเห็นการเสื่อมสภาพของแบตอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอันนี้มาจากประสบการณ์ตรงของ AirPods รุ่นแรก (ซึ่งผู้เขียนทำหายไปแล้ว)
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เป็นที่พูดถึง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นจุดขายขนาดนั้นก็คือ Hey Siri หรือการเรียก Siri ผ่านหูฟังโดยไม่ต้องแตะที่ตัวหูฟัง ทำให้เราสามารถตั้งค่า การแตะที่ตัวหูฟังให้ทำอย่างอื่นได้เช่น เล่นเพลงต่อไป หรือหยุดการเล่นเพลง
แต่ฟีเจอร์ Hey Siri นั้น เราไม่สามารถสั่งปิดเฉพาะตัว AirPods ได้ ต้องปิดที่ตัว iPhone เลย ทำให้ถ้าเราอยากประหยัดแบตของ AirPods ด้วยการปิด Hey Siri เราจะเสียความสามารถในการฟัง Hey Siri ของตัว iPhone ไปเลย (แอบเสียดายตรงนี้นิด ๆ)
สำหรับเรื่องของการเชื่อมต่อนั้น ก็บอกไม่ได้อีกว่าสรุปแล้วมันเร็วขึ้นไหม เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนที่ใช้อุปกรณ์ Apple ครบ Ecosystem ได้แก่ iPhone, Mac และ Apple Watch ทำให้ต้องมีการสลับการฟัง AirPods บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้พบว่ามีปัญหาช้าหรืออะไร แค่เลือกเชื่อมต่อจากเมนู Bluetooth ของ Mac จากที่ AirPods รับสัญญาณจาก iPhone อยู่ก็จะมาเล่นจาก Mac ทันที
ส่วนเรื่องที่ Apple บอกว่าลดอาการหน่วงเวลาดู Streaming หรืออะไรที่ต้อง Render เสียงสด ๆ ไม่มี Buffer ตรงนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีไปกว่าเดิมไหม เพราะยังไม่เคยปัญหานี้ ยกเว้นตอนเล่นเกมบน Mac ซึ่งก็เจอบ้างและพอเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มี Delay เลย
หลังจากที่ใช้งานมาเป็นเวลาประมาณ 3 วันโดยไม่ชาร์จระหว่างวัน ก็พบว่า AirPods 2 นั้นยังคงเป็น AirPods เหมือนเดิม โดยที่ความสามารถใหม่ของมันก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ความรู้สึกไม่ค่อยต่างจากการใช่งานรุ่นเดิมเท่าไหร่ แต่ก็บอกได้เลยว่าประสบการณ์การใช้งาน AirPods นั้นมันเทพอยู่แล้ว และยิ่งใครที่ใช้มาก่อนก็จะชินกับมันไปแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อมี Wireless Charging เข้ามา เราแค่เอาไปวางไว้บนที่ชาร์จ ซึ่งใครที่ใช้ Wireless Charing เป็นประจำอยู่แล้วก็จะชินกับพฤติกรรมเดิม ๆ แบบนี้ และทำให้การชาร์จหูฟังของเราง่ายขึ้น
สรุป AirPods 2 รุ่นไหน เหมาะกับใคร ควรซื้อไหม
ทีนี้ก็มาถึงคำถามหลักว่า สรุปแล้วเราควรซื้อ AirPods 2 ดีไหมแล้วใครควรซื้อบ้าง ก่อนอื่นอยากจะขอบอกสิ่งที่เราควรรู้ก่อนซื้อ AirPods 2 ก่อนว่า
- AirPods 2 ไม่ได้เสียงดีไปกว่ารุ่นแรก
- ฟีเจอร์ Hey Siri สามารถใช้ได้ทั้งกับรุ่น Case ปกติและ Wireless Charging Case
- ประสบการณ์การใช้งานค่อนข้างเหมือนเดิม ทั้งการเชื่อมต่อ UX ต่าง ๆ ที่ทำได้ดีมาก ๆ แล้วในรุ่นแรก
- แบตอึดทนกว่าเดิมมากพอสมควร แต่ไม่รู้ว่าใช้นาน ๆ ไปจะเสื่อมค่อนข่างไวเหมือนรุ่นแรกหรือเปล่า
- รุ่นนี้มีสีเดียว และยังวัดอัตราการเต้นหัวใจไม่ได้ ไม่กันน้ำ ไม่เหมือนกับข่าวลือที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้
ดังนั้นถามว่า ถ้าเราเป็นคนที่ใช้ AirPods อยู่แล้ว และครอบครอง AirPods 1 อยู่ แต่อยากซื้อเพราะเป็นรุ่นใหม่ ตรงนี้อาจจะยังไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเคยใช้ AirPods แต่แบตเสื่อมหรือทำหาย หรือตกน้ำ โดนสัตว์เลี้ยงกินเข้าไป หรือลืมไว้ใน Grab, Uber และรอคอยรุ่นใหม่เพราะทนกับหูฟังมีสายไม่ได้อีกแล้ว ก็บอกได้เลยว่าซื้อเถอะครับ เพื่อนำโลกแห่งการเชื่อมต่อไร้สายกลับมา ส่วนคนที่ยังไม่เคยครอบครอง AirPods อันนี้อยากให้ลองซื้อมาเล่นดู จะพบว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นจริง ๆ
สามารถสั่งซื้อ AirPods 2 ได้ที่ Apple Store Online หรือไปที่ร้านค้าต่าง ๆ ได้เลยตอนนี้ เริ่มมีของจำหน่ายแล้ว
เรียบเรียงโดย ทีมงาน MacThai