รีวิว iPhone Xs และ iPhone Xs Max สวยหรูขั้นสุด จอใหญ่สะใจ พร้อมประสบการณ์ใช้งานจริง [ชมคลิป]

ปีที่ผ่านมา iPhone X ถือเป็นก้าวกระโดดของสมาร์ทโฟน ทั้งในเรื่องของจอไร้ขอบ และเทคโนโลยีสแกนใบหน้า Face ID ที่แม้เวลาผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นระบบที่แม่นยำสุดอยู่ในตอนนี้

มาในปีนี้แอปเปิลก็ได้มีการอัพเกรดความสามารถขึ้นไปอีกขั้นด้วย iPhone Xs และ iPhone Xs Max ที่แม้จะใช้ดีไซน์เดิม แต่เพิ่มเติมคือความเร็ว แรง กล้องที่เจ๋งขึ้น แต่จะคุ้มค่าสมกับเป็นรุ่น S ที่หลายคนชอบหรือไม่ ทีมงาน MacThai ได้มารีวิวให้ได้ชมกันแล้ว !!

สรุปไฮไลท์ที่น่าสนใจ

  • iPhone Xs และ iPhone Xs Max คือรุ่น “S” ที่แม้ดีไซน์เดิม แต่อัพทุกอย่าง
  • จอของ iPhone Xs Max ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทุกอย่างดูใหญ่สะใจมากๆ
  • การพกพาจอใหญ่ไม่ใช่ปัญหามากนักเพราะขนาดเครื่องเท่าๆ iPhone 7 Plus, 8 Plus แต่ใช้งานมือเดียวลำบาก
  • ชิปใหม่เร็วขั้นสุดจริง แรมเต็มสูบถึง 4GB เปิดแอป สลับแอป ไม่ต้องรอ
  • กล้องใหม่พร้อมระบบ Smart HDR คมกว่าเดิม สีเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือถ่ายง่ายมาก

ixr-w

การอัพเกรดที่เพิ่มเติมจาก iPhone X มาเป็นรุ่น “S” ที่หลายคนรอคอย

ตามธรรมเนียมของแอปเปิลที่จะมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นที่ดีไซน์ใหม่หมด แล้วในปีต่อมาจะเปิดตัวรุ่น “S” ที่ใช้ดีไซน์เดิม แต่อัพสเป็คให้แรงสุดๆ ในทุกด้าน ซึ่งหลายคนก็เป็นแฟนของไอโฟนรุ่น “S” เพราะถือเป็นการซื้อที่คุ้มค่า กว่าการซื้อรุ่นดีไซน์ใหม่

มาในปีนี้แอปเปิลก็เช่นเคย คือเปิดตัว iPhone Xs ที่มาต่อยอด iPhone X (แต่ที่เกินคาดคือเลิกขาย iPhone X ไปเลยซะงั้น) แม้จะดีไซน์เดิม แต่ก็ยังคงความพรีเมียม หรูหรา มาพร้อมสีใหม่นั่นคือ “สีทอง”

ixr-k

สีทองของ iPhone Xs นั้นคล้ายกับสีทองของ iPhone 8 แต่ที่เจ๋งกว่าคือขอบด้านข้างของเครื่องที่เป็นสแตนเลสสตีลเกรดสูง ขัดมาจนขอบสะท้อน และเคลือบสีทองเข้าไป ทำให้ iPhone Xs สีทอง น่าจะเป็นไอโฟนที่ “ทองสุด” เท่าที่เคยมีมา

ixr-l

ตัวเครื่องหน้าหลังยังคงเป็นกระจก ที่สามารถชาร์จไร้สายได้ แต่แอปเปิลเคลมว่านี่คือกระจกที่เข็งแรงสุดเท่าที่มีในท้องตลาดตอนนี้ เพื่อแก้ปัญหาเครื่องตกจอแตกง่ายบน iPhone X นั่นเอง

 

นอกจากนี้ ในส่วนความสามารถในการกันน้ำของ iPhone Xs ทั้ง 2 รุ่น ก็อัพเกรดจากระดับ IP67 มาเป็นในระดับ IP68 (กันน้ำเข้าในความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)

macthai-iphone-xs-and-xs-max-sample-photo-front

หน้าจอที่ดีที่สุดบน iPhone

ทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอแบบใหม่ที่เรียกว่า Super Retina HD เป็นการอัพเกรดมาจากจอ OLED ที่ใช้ใน iPhone X และยังมาพร้อมกับขนาดจอที่ใหญ่ โดยที่ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่ตามไปด้วยเนื่องจากมีขอบที่บางมาก

  • iPhone Xs  หน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล น้ำหนัก 177 กรัม
  • iPhone Xs Max หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688 x 1242 พิกเซล น้ำหนัก 208 กรัม

ixr-u

นอกจากความละเอียดที่สูงมากแล้ว จอของ iPhone Xs ทั้ง 2 รุ่นนั้นมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงมากถึง 1,000,000 ต่อ 1 และขอบเขตสีที่กว้าง มีความแม่นยำของสีที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึงยังรองรับการรับชมคอนเทนต์วีดีโอแบบ HDR10 กับ Dolby Vision อีกด้วย

สีดำที่เห็นบนจอก็จะดำสนิท สีสันอื่นๆ ที่โชว์ก็สวยงาม และไม่ได้มีการเร่งสีจนเกินธรรมชาติ ถ้าคุณใช้ iPhone 6, 7, 8 มาก่อน คุณจะชอบจอของ iPhone Xs มากๆ แน่นอน

iphone-xs-max-khajochi-face

ประสบการณ์ใช้ iPhone Xs Max กับไอโฟนที่จอใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา

สิ่งที่หลายคนสนใจมากสุดในไอโฟนรุ่นใหม่นี้ คือความใหญ่ของ iPhone Xs Max ซึ่งจากราคาที่ต่างจากรุ่น iPhone Xs เพียง 3,500-4,000 บาท (ราคาไทยยังไม่คอนเฟิร์ม) แต่ได้จอที่ใหญ่มากๆ หลายคนจึงเลือกซื้อ iPhone Xs Max มากกว่ารุ่น Xs ธรรมดา

ixr-t

ถ้าถามว่าใหญ่ไหม ? ก็ต้องบอกว่าใหญ่มาก

แต่ถ้าถามว่าใหญ่แค่ไหน ? ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ใหญ่ไปกว่า iPhone 7 Plus หรือ 8 Plus เพราะขนาดของเครื่อง บนล่างซ้ายขวา เท่าๆ กัน เพียงแต่พอเป็นจอไร้ขอบ ขนาดจอเลยมีพื้นที่มากขึ้นนั่นเอง

เฉพาะขนาดของจอ iPhone 7 Plus, 8 Plus คือ 5.5 นิ้ว แต่ขนาดของจอ iPhone Xs Max คือ 6.5 นิ้ว !!

ด้วยขนาดจอที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 1 นิ้ว ถ้าคุณได้ลองมาสัมผัสจะพบว่าการใช้งานเต็มจอสะใจมากๆ เวลาดู YouTube, Netflix, LINE TV หรือเล่นเกมจะมีความสุขมากเพราะจอใหญ่เต็มตา

ข้อเสียที่พบได้ชัดที่สุดคือด้วยขนาดของจอที่ใหญ่มาก ทำให้คุณไม่สามารถใช้งานมือเดียวบน iPhone Xs Max ได้เลย ขนาดแค่ iPhone 8 Plus ก็ใช้มือเดียวยากแล้ว เจอ Max นี่ใหญ่กว่าเดิมซะอีกนะ

ส่วนเรื่องการพกพา ไม่ได้มีปัญหามากนัก เพราะขนาดก็ไม่ต่างจากรุ่น Plus ที่เคยใช้กัน

ixr-q

แต่ถึงจะใช้งานมือเดียวลำบาก จอที่ใหญ่พกพาไม่ได้สะดวกมากนัก แต่จากราคาที่ Xs Max ต่างจาก Xs แค่ 3,500 – 4,000 บาท ก็ถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มา เพราะประสบการณ์ใช้งานนั้นดีจริงๆ

ixr-h

กล้องสุดล้ำ พร้อมการปรับระยะชัดตื้น

ความโดดเด่นที่กล้อง iPhone ทุกรุ่นต่างจากสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ คือความง่ายในการถ่าย กดได้เลยไม่ต้องคิดเยอะ และให้สีเป็นธรรมชาติ ไม่เร่งสีจนเกินจริง ยังคงมีครบใน iPhone Xs

แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาที่เราสัมผัสได้ จากการรีวิวกล้องของ iPhone Xs คือความ “คมชัด” และการจัดการเรื่อง “แสง” ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

macthai-iphone-xs-and-xs-max-sample-photo-042

จากภาพจะเห็นว่ากล้องใหม่บน iPhone Xs จะเก็บรายละเอียดได้เยอะมาก ทั้งจุดเล็กๆ น้อยๆ เมื่อซูมเข้าไปยังเห็นได้ชัดเจนดีกว่าเดิม และระบบ Smart HDR ทำให้จุดที่แสงน้อย มีความคมชัดมากขึ้น

macthai-iphone-xs-and-xs-max-sample-photo-023

ส่วนที่เด่นชัดกว่ารุ่นก่อนๆ คือความ “คม” ของกล้อง ที่แม้จะเพิ่มความคมเข้ามา แต่ก็ไม่ได้ทำให้สีเพี้ยนแต่อย่างใด ยังคงสีธรรมชาติแบบกล้องไอโฟนได้เป็นอย่างดี

macthai-iphone-xs-and-xs-max-sample-photo-036

พูดถึงระบบ Smart HDR คือเมื่อเรากดถ่ายภาพ กล้องจะทำการถ่ายภาพรัวๆ หลายใบ ทั้งแบบแสงปกติ เพิ่มแสง และลดแสง จากนั้นจะเอาภาพทั้งหมดมารวมกัน แล้วคำนวณหาแสงที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละส่วน

ทำให้ภาพที่เคยถ่ายแล้วหน้ามืด หรือถ่ายแล้วท้องฟ้าสว่างจนกลายเป็นสีขาว ออกมามีรายละเอียดให้เห็นมากขึ้นนั่นเอง

macthai-iphone-xs-and-xs-max-sample-photo-035

ตัวอย่างภาพวิว ลองดูหลังคาที่เก็บรายละเอียดได้ดีมากๆ

macthai-iphone-xs-and-xs-max-sample-photo-028

ตัวอย่างภาพระยะใกล้ ที่ทำหลังเบลอได้ดี แต่สีก็ยังไม่ได้เพี้ยนมากมายนัก

ixr-อ

ฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้บนกล้อง iPhone Xs คือการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Mode) ที่เราสามารถปรับความเบลอของพื้นหลังได้ตามใจชอบ

macthai-iphone-xs-and-iphone-xs-max-launch-worldwide-027

เมื่อเรากดถ่ายภาพแล้ว เราสามารถมาปรับความเบลอได้ทีหลัง ซึ่งหากเลือกภาพให้เบลอสุด ก็จะเป็นตามภาพตัวอย่าง จะเห็นว่าการตัดขอบก็ทำได้ไม่แน่เท่าไหร่ แต่ถ้าถ่ายในที่แสงน้อยก็มีปัญหาเหมือนกัน

ixr-o

 

ในเรื่องของการอัดคลิปวิดิโอ iPhone Xs จะมีไมโครโฟนแบบสเตอริโอ นั่นคือเวลาที่เรากดอัดคลิป แล้วมีเสียงมาทางขวา วิ่งไปทางซ้าย พอเรากดฟังเสียงในคลิป ก็จะมีเสียงไล่มาจากลำโพงขวา ไปลำโพงซ้ายเช่นเดียวกัน ถือว่า Cool ทีเดียว

ixr-m

สเป็คของกล่อง iPhone Xs ทั้ง 2 รุ่น ใช้กล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และได้รับการปรับปรุงจาก iPhone X ในทุก ๆ ด้าน

  • ใช้เลนส์มุมกว้าง f/1.8 ประกอบกับเลนส์เทเลโฟโต้ f/2.4 พร้อมด้วยระบบกันสั่นแบบ OIS
  • ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 fps ได้ และอัดเสียงแบบสเตอริโอที่แยกซ้ายขวาได้กว้างขึ้น
  • กล้องทำงานร่วมกับ Neural Engine ในประมวลผลเพื่อช่วยในการถ่ายภาพบุคคล และโหมด HDR อัจฉริยะ
  • สามารถปรับ Bokeh และระยะชัดลึก-ชัดตื้นได้ใน Portrait mode โดยสามารถปรับค่า f ได้ตั้งแต่ f/1.4 ถึง f/16

กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล

  • ใช้เลนส์มุมกว้าง f/2.2 พร้อมระบบกันสั่น OIS ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด
  • ถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ 60 fps ได้
  • รองรับ Face ID, Animoji และ Memoji
  • สามารถปรับ Bokeh รวมถึงระยะชัดลึก-ชัดตื้นได้ใน Portrait mode ได้เช่นเดียวกัน

ixr-g

ชิปใหม่ A12 Bionic เร็วสุดในทุกสมาร์ทโฟน แถมประหยัดแบตมากขึ้น

ชิปใหม่บน iPhone Xs ทั้งสองรุ่นคือ A12 Bionic ซึ่งจะว่าไปแล้วถ้าคุณเคยได้ใช้ iPhone 8 หรือ iPhone X ก็แทบจะไม่เคยเจอความช้าบนไอโฟนอยู่แล้ว คือของเดิมก็เร็วมากๆ

พอเราได้ใช้ชิป A12 Bionic เอาจริงๆ เราไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากนักในเรื่องความเร็ว จะมีเรื่องการประมวลผลภาพ หรือวิดิโอที่จัดการได้ไวขึ้น แต่ที่ชัดเจนกว่าคือเรื่องของแรม ที่เพิ่มมามากถึง 4 GB !! (เดิม iPhone X มีแรม 3 GB)

ixr-u

นั่นก็ทำให้เวลาที่เราเปิดแอปต่างๆ แล้วสลับไปมา ทำได้รวดเร็วขึ้นมาก ทีมงานลองเปิด RoV, YouTube, Facebook, Safari, LINE, Instagram, Netflix แล้วกดสลับแอปไปมา ทุกแอปโหลดขึ้นมาทันทีแบบไม่ต้องรอโหลดใหม่เลย

iPhone Xs ทั้ง 2 รุ่นใช้ชิพ A12 Bionic ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลตัวใหม่ล่าสุดจาก Apple ประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ซีพียู 6 คอร์ ที่เร็วขึ้นกว่าชิพ A11 Bionic ถึง 15% และใช้พลังงานน้อยลงมากสุดถึง 50% อีกด้วย
  • จีพียู 4 คอร์ ประมวลผลกราฟิกได้เร็วขึ้น 50% และปรับแต่งเป็นพิเศษมาสำหรับ Metal 2
  • Neural Engine 8 คอร์ ที่สามารถรันคำสั่งได้ 5 ล้านล้านคำสั่งใน 1 วินาที สามารถแยกแยะรูปแบบ คาดการณ์ล่วงหน้า และเรียนรู้เพิ่มได้จากการใช้งานของผู้ใช้

 

ixr-p

:: สรุป ::

โดยรวมแล้ว iPhone Xs และ iPhone Xs Max ยังคงความเป็นสมาร์ทโฟนที่พรีเมียมสุดๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี ดีไซน์ที่สวยหรู สีทองใหม่ที่เงาวับ และอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ล้ำๆ มากมาย

เชื่อว่าหลายคนน่าจะสนใจ iPhone Xs Max มากกว่า เพราะด้วยราคาที่เพิ่มไม่กี่พันบาท แต่ได้จอใหญ่สะใจ ก็ต้องบอกว่าของเขาดีจริง แต่ก็แลกมาด้วยการใช้งานที่ทำด้วยมือเดียวลำบาก รวมถึงราคาที่ต้องควักเงินเกือบครึ่งแสนเลยทีเดียว

ชิปใหม่ A12 Bionic,​ กล้องใหม่, สีสันใหม่,​ จอใหม่ ก็แลกมาด้วยราคาที่สูง ถ้าคุณต้องการไอโฟนรุ่นท็อป และราคาไม่ใช่ปัญหา เราขอแนะนำ iPhone Xs Max ที่ถือว่าสุดยอดแล้วในตอนนี้ แต่ถ้าคุณอยากได้ความคุ้มราคาในงบจำกัด เราคิดว่า iPhone Xr ที่จะเปิดขายเร็วๆ นี้ อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยครับ

Note: ราคาและวันเปิดขายยังไม่ได้มีประกาศที่เมืองไทย แต่ทีมงานคาดกันว่า iPhone Xs จะราคาเริ่มที่ 40,500 บาท และ iPhone Xs Max จะเริ่มที่ 44,000 บาท