รีวิว Apple Watch Series 4 ดีไซน์ใหม่ จอใหญ่ขึ้น 30% ลำโพงดังขึ้น ฟีเจอร์สุขภาพใหม่เพียบ ดีงามควรค่าแก่การอัพเดท

เป็นเวลานานกว่า 4 ปีที่ Apple ได้นำสิ่งที่เรียกว่า Apple Watch มาสู่สายตาชาวโลก Apple Watch นั้นเปิดตั้วครั้งแรกในปี 2014 มาในรูปแบบ 2 ขนาดด้วยกันคือ 38 และ 42 มิลลิเมตร มันใช้เวลาไม่นานจนกลายมาเป็นนาฬิกาอันดับหนึ่งของโลกจากการรายงานของ Apple ในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ผ่านมา

Apple Watch เปิดตัวหลังจากนั้นมา 2 รุ่นโดยใช้ดีไซน์เดิมมีการปรับปรุงฟีเจอร์เล็กน้อย แต่สำหรับในปี 2018 นี้ ในงานเปิดตัว iPhone XS และ XR ทาง Apple ก็ได้ทำการเผย Apple Watch โฉมใหม่ที่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ในชื่อ Apple Watch Series 4

11

วันนี้ทีมงาน MacThai จะพาไปลองชมและลองเล่น Apple Watch Series 4 รุ่นใหม่นี้ก่อนใคร ด้วยบทรีวิวสุดพิเศษซึ่งทีมงานได้นำเครื่อง Apple Watch รุ่นใหม่นี้ (ซึ่งประเทศไทยยังไม่วางขาย) มาเผยให้ชมทุกซอกทุกมุมที่ทุกคนอยากรู้

  • หน้าจอใหญ่แค่ไหน ใช้สะดวกหรือเปล่า
  • มีฟีเจอร์อะไรใหม่ ๆ บน wacthOS 5 เพิ่มเติม ฟีเจอร์ไหนในไทยใช้ได้บ้าง
  • แบตเตอร์รี่ดีหรือแย่กว่าเดิม ชาร์จแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
  • ลำโพงใหม่เสียดังแค่ไหน

สำหรับ Apple Watch ที่ทีมงานได้มาคือในรุ่น 44 มิลลิเมตร ในสีทอง (Gold) พร้อมสายสี Pink Sand ซึ่งเป็นขนาดใหม่ (ขนาดผู้ชาย) ที่มาแทนขนาด 42 มิลลิเมตรของรุ่นเดิม

แกะกล่องรีวิว Apple Watch Series 4

Apple Watch Series 4 นี้นอกจากจะการออกแบบตัวเครื่องแล้ว Apple ยังได้ได้ทำการปรับเปลี่ยนการออกแบบตัวกล่องเล็กน้อย โดยในรอบนี้ Apple แยกตัวกล่องของตัวสาย (Band) และตัวเรือน (Watch) ออกจากกัน แล้วห่อมาในกล่องกระดาษสีขาวอีกชั้นนึง

1

ตัวกล่องกระดาษไมได้มีความโดดเด่นอะไรมาก มีคำว่า Apple Watch อยู่ด้านหน้า (ซึ่งแทบจะมองไม่เห็น) เรียกได้ว่ามีความ Minimalist ตามต้นฉบับของ Apple จริง ๆส่วนด้านหลังนั้นก็จะมีการระบุรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ว่าเป็น

  • Apple Watch รุ่นอะไร ในที่นี้คือเป็น Series 4 สี Gold วัสดุเป็น Aluminium ขนาด 44 มิลลเมตร
  • สาย Apple Watch ที่เลือกเป็นสาย Sport Band สี Pink Sand

3

 

เมื่อเปิดกล่องออกมาสิ่งแรกที่พบก็คือ กล่องของตัวเรือน Apple Watch กับสาย Apple Watch ตามที่เราได้เลือกไว้ โดยเราจะเริ่มจากการแกะกล่องตัวเรือน Apple Watch กันก่อน

สำหรับตัวเรือน Apple Watch นั้นเปิดมาจะอยู่บริเวณด้านซ้ายมือ ห่ออยู่ในซองกำมะหยี่สีเดียวกับตัวเรือน โดยด้านขวาจะเป็นเอกสารและคู่มือประกอบการใช้งานภาษาต่าง ๆ

6

โดยสิ่งที่บรรจุมาในกล่องตัวเรือน Apple Watch ก็จะประกอบดังนี้

  • ตัวเรือน Apple Watch สี Gold
  • สายชาร์จแบบแม่เหล็กความยาว 1 เมตร หัวเป็นแบบ USB
  • Adapter สำหรับทำการชาร์จ
  • คู่มือการใช้งานและเอกสารต่าง ๆ

7

สำหรับสิ่งที่แถมมาในกล่องนี้ก็จะไม่แตกต่างจาก Apple Watch รุ่นก่อน ๆ มาก

ในกล่องสายของตัว Apple Watch นั้น ทางทีมงานได้สั่งมาเป็นสายแบบ Sport Band สี Pink Sand ซึ่งสายแบบ Sport Band นี้ Apple จะทำการให้สายเรามา 2 ขนาดด้วยกันคือแบบ M/L (ไซส์กลางและใหญ่) กับไซส์ S

จากการลองแล้วคนไทยหลายคนน่าจะใช้สายไซส์ S กันมากกว่าเนื่องจากมีความยาวที่พอดี แต่ถ้าเป็นสายไซส์ M/L นั้นก็จะทำให้ตัว Apple Watch ของเราดูใหญ่อลังการไปเลย

9

จับประกอบราง ชมความงามของการออกแบบแบบใหม่หมด

หลังจากที่ได้ลองแกะกล่องแล้วก็มาลองชมความงามของตัว Apple Watch Series 4 ดู ซึ่ง Apple ได้ชูจุดเด่น ๆ ดังนี้

  • หน้าจอใหญ่กว่าเดิม 30% โดยเพิ่มขนาดจากตัวเรือน 38 มิลลิเมตร มาเป็น 40 มิลลเมตร และ 42 มิลลเมตรเป็น 44 มิลลิเมตร
  • ดีไซน์ขอบโค้งมนว่าเดิม รวมถึงจอที่แสดงผลจะพบว่ามีความโค้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ขนาดบางกว่าเดิม โดยตัว 40 มิลลิเมตรมีความบาง 10.7 มิลลเมตร และ 42 มิลลิเมตรมีความบาง 11.4 มิลลเมตร
  • มีการใช้เซนเซอร์วัดหัวใจแบบใหม่ ที่เปลี่ยนจากมีหลอด LED 2 ดวงเป็น 1 ดวง
  • Digital Crown ออกแบบใหม่ (พร้อมเพิ่ม Feedback การสั่นเวลาเราหมุน Digital Crown)

10

12

สีของตัว Apple Watch ที่เป็น Gold เมื่อจับมารวมกับสี Pink Sand ของสาย Sport Band นับว่ามีความลงตัวมาก มีความเป็นผู้หญิงสูง (แต่เท่าที่ทีมงาน ซึ่งเป็นผู้ชายลองใส่ก็ดูทำให้มีระดับไปอีกแบบ) แต่หลังจากที่ได้ลองใส่มา 1 วันเต็มก็พบว่าคนไม่ค่อยสังเกตว่าเป็น Apple Watch รุ่นใหม่ (ฮา)

  • ทีมงานลองถามเพื่อนดูว่าสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงไหม หลายคนบอกว่าเห็นแค่สีที่สวยดี
  • แต่หลังจากที่บอกว่าเป็น Apple Watch Series 4 ถึงจะร้องอ๋อ บอกว่าจริงด้วย หน้าจอใหญ่ขึ้นมาก

13

14

ทำการเชื่อมต่อกับ iPhone ตั้งค่าให้พร้อมใช้งาน

สิ่งหนึ่งที่เป็นบทพิสูจน์ว่า Apple Watch กับ iPhone เป็นคู่ขากันอย่างแยกไม่ได้เลยก็คือเรื่องของการ Pairing

  • Apple ออกแบบ Apple Watch และ iPhone ให้เชื่อมกันอย่างไร้รอยต่อ
  • นำ Apple Watch มาเข้าใกล้กับตัว iPhone ก็จะมีหน้าจอเด้งขึ้นมาให้กด Setup
  • แสกน Code ที่ขึ้นมาบนหน้าจอของ Apple Watch จากนั้นระบบจะนำไปสู่การตั้งค่า เพียงแค่ 10-15 นาที ก็สามารถใช้งานได้แล้ว (เร็วกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่ต้องรอประมาณ 20-30 นาที)

15

16

18

แน่นอนว่า watchOS รุ่นที่ติดตั้งมานี้คือ watchOS 5 ระบบปฏิบัติการของ Apple Watch รุ่นล่าสุดที่ในช่วงต่อไปเราจะมาพูดถึงกันอีกทีว่ามีอะไรที่ออกแบบมาสำหรับ Apple Watch Series 4 โดยเฉพาะบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ตั้งแต่ต้นเลยก็คือฟีเจอร์ การตรวจวัดการเต้นของหัวใจแบบ Realtime ที่จะคอยแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว Apple Watch จับได้

ลองใช้งาน watchOS 5 บน Apple Watch Series 4 ชม Watch Faces ใหม่

สิ่งแรกที่เห็นหลังจาก Apple Watch ทำการ setup เสร็จเรียบร้อยแล้วก็คือ Watch Face ใหม่

  • Watch Face ที่ Apple ภูมิใจนำเสนอก็คือ Infograph เป็นการเอาข้อมูลต่าง ๆ มาวางบนหน้าปัดที่ปรับแต่งได้หลายแบบ
  • หน้าปัดสำหรับช่วยในการหายใจ ทำสมาธิ (mindfulness)
  • หน้า Kaleidoscope เป็นเหมือนกระจกสะท้อนภาพที่พอเลื่อน Digital Crown จะปรับเปลี่ยนภาพที่สะท้อนได้
  • หน้า Vapor เป็นหน้าควันต่าง ๆ ที่พอยกแขนขึ้นมาดูจะแสงเป็นควันราวกับมีคนเข้าไป Vape ในข้อมือของเรา (ฮา)

19_edit

จากการที่ Apple Watch Series 4 จอใหญ่ขึ้นมากนั้น ทำให้เวลาที่เรานำรูปมาตั้งเป็น Watch Face รูปของเราจะดูโดดเด่นมาก ๆ ด้วยเช่นกัน

แอพทำงานเร็วแรง ด้วย CPU ใหม่ Dual Core 64 Bit

Apple ได้อัพเกรด CPU รุ่นใหม่ให้กับ Apple Watch Series 4 ซึ่งก็คือ CPU S4 มีสถาปัตยกรรมแบบ 64 Bit ซึ่งเหตุนี้ทำให้การใช้งานแอพต่าง ๆ บน Apple Watch Series 4 ลื่นไหลมาก

จากที่ได้ลองใช้งานมาปกติก็ได้พบข้อสังเกตที่น่าสนใจ

  • โหลดแอพไวมาก เหมือนเปิดแอพจาก iPhone ถ้าใครที่ใช้ Apple Watch รุ่นแรก ๆ มาก่อนจะรู้ความกากของการเปิดแอพ แต่ตอนนี้แทบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
  • สลับแอพไปมาได้อย่างรวดเร็ว เช่น ถ้ากำลังฟังเพลงอยู่แต่ต้องการกลับไปดูหน้าออกกำลังกายก็สามารถใช้ปุ่มด้านข้างกดเพื่อ multi-tasking ได้ทันที
  • ลงแอพ โหลดข้อมูล Sync ข้อมูลต่าง ๆ รวดเร็ว

20

22

แม้แอพบน Apple Watch ณ ตอนนี้จะไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้เหมือนกับบน iPhone แต่สิ่งที่เจ๋งก็คือมันทำงานร่วมกับ iPhone ได้อย่างราบรื่นมาก ๆ เพราะ Apple Watch ไม่ได้ออกแบบมาให้แทน iPhone แต่เพื่อเป็นส่วนเสริมให้กับ iPhone ต่างหาก

แจ้งเตือนสุขภาพและอุบัติเหตุสุดเทพ

Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์แจ้งเตือนอุบัติเหตุมาใน Apple Watch 4 ด้วย เนื่องมาจาก Apple ได้เพิ่มความแม่นยำของ Accelerometer บน Apple Watch 4 ทำให้มันสามารถตรวจจับท่าทางที่เดาได้ว่า เรากำลัง สะดุด, ลื่น หรือ ล้ม (เป็นลม)

ทีมงานได้พยายามลองในส่วนนี้ด้วยการแกล้งล้มก็พบว่า … Apple Watch ยังไม่ยอมแจ้งเตือน อันนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะทีมงานล้มไม่เนียนหรืออย่างไร หรือว่า Apple ยังไม่เปิดฟีเจอร์นี้ (แต่ล้มไปแรงอยู่ เจ็บเหมือนกัน)

25

ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากเลยก็คือการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่ง Apple ยังไม่ได้ออกอัพเดทให้ใช้ได้ ณ​ ตอนนี้ เราจึงยังไม่สามารถลองใช้ฟีเจอร์นี่ได้ เชื่อว่า Apple กำลังอยู่ระหว่างดำเนินงานกับทาง FDA หรืออาหารและยาของอเมริกา เพื่อให้ฟีเจอร์นี้ใช้ได้ก่อนในอเมริกา จากนั้นทั่วโลกก็จะตามมาอีกที (ทราบมาว่าขั้นตอนการขึ้นทะเบียนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในแต่ละประเทศต้องมีการตรวจสอบละเอียดพอสมควร)

24

ลำโพงเสียงดัง โทรก็ชัด Siri ก็พูดได้ซะที

สิ่งหนึ่งที่ Apple เคลมว่าเป็นฟีเจอร์เด็ดของ Apple Watch Series 4 นี้ก็คือลำโพงเสียงดังขึ้น (แบบนี้ก็เป็นฟีเจอร์ใหม่ได้เหรอ) แต่จากที่ลองใช้งานก็คือเสียงของลำโพงดังขึ้นจริง ๆ

  • Notification ได้ยินชัดเจน รวมถึงเวลามีคนโทรเข้ามาเสียงกริ่งก็ดังชัดเช่นกัน
  • ทำการโทรผ่าน Apple Watch Series 4 ได้ยินเสียงชัดเหมือนคุยโทรศัพท์แล้วเปิด Speaker
  • ด้วยเหตุนี้ทำให้ Siri สามารถพูดโต้ตอบกับเราได้แล้ว หลังจากเดิมที่จะขึ้นมาเฉพาะตัวอักษรเท่านั้น

23

สำหรับฟีเจอร์เสียงดังอะไรนี่อาจจะดูงง ๆ ซักหน่อยว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ แต่ในความเป็นจริงการที่ Apple Watch เสียงดังขึ้นก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้มากเหมือนกันเช่น ล้างจานไปคุยโทรศัพท์ไป, วิ่งไปแล้วมีคนโทรเข้า (iPhone ไม่ได้อยู่กับตัว) ซึ่งจะใช้คุณสมบัติ 4G ของ Apple Watch รุ่น Cellular

21

26

สรุป คุ้มค่าแก่การซื้อ/อัพเกรด ไหม

มาถึงคำถามที่สำคัญที่สุดจากการรีวิวนี้ เท่าที่ทีมงานได้ลองเล่นดูมาเป็นระยะเวลา 1-2 วันเต็ม ๆ ก็สามารถสรุปว่า Apple Watch ก็ยังคงเป็น Apple Watch ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเป็นส่วนเติมเติมในประสบการณ์โลกอันสวยงามของ Apple ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์สามประการได้แก่ iPhone, Mac และ Apple Watch เป็นที่พึ่ง

สำหรับใครที่ใช้ Apple Watch อยู่แล้วคงจะเข้าใจดี โดยการที่ Apple เปิดตัว Apple Watch Series 4 มานั้นก็เป็นการเพิ่มฟีเจอร์อะไรหลาย ๆ อย่าง ในราคาที่เท่าเดิม นั่นหมายความว่า Position ของ Apple Watch ก็ยังเหมือนเดิม หากเราสนใจยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อครอบครอง Series 4 ก็เหมือนกับการซื้อเวลาในอนาคตที่สุดท้ายแล้วมันจะมาถึงอยู่ดี

  • ใครที่ใช้ Apple Watch อยู่แล้วก็อาจจะแล้วแต่ศรัทธา โดยเฉพาะใครที่ใช้รุ่นแรกก็ถึงเวลาควรค่าแก่การเปลี่ยน (ทีมงานก็ใช้ Apple Watch รุ่นแรกมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้วเช่นกัน)
  • ใครที่ยังไม่เคยครอบครอง Apple Watch มาก่อนก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้มาลองอยู่ในโลกที่สะดวกสบาย และให้ Apple เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นยิ่งกว่าแค่ iPhone

สำหรับราคาไทยของ Apple Watch ทาง Apple ยังไม่ประกาศแต่คาดว่าจะเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และวันเข้าไทยนั้นก็ยังคงต้องรอประกาศกันต่อไป

 

เรียบเรียงโดย ทีมงาน MacThai