ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้ : 4G ไทยมีมากถึง 5 คลื่นความถี่ 850, 900, 1800, 2100, 2300 MHz ต่างกันอย่างไร?
เรื่องจริงที่หลายคนอาจไม่รู้เพราะหลังจากที่ไทยเราผ่านการประมูลคลื่นความถี่ทั้ง 900 MHz และ 1800 MHz ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในวงการสื่อสารของไทยเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อนับจำนวนคลื่นที่เราใช้กันอยู่ จะมีถึง 5 คลื่นหลักด้วยกัน
คำถามที่น่าสนใจคือ แล้วแต่ละคลื่นนั้นต่างกันอย่างไร ? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และคนใช้อย่างเรา จะได้ประโยชน์แค่ไหนกันนะ
ความถี่มาก กระจายได้แคบ / ความถี่ต่ำ ทะลุได้น้อย
เรื่องน่าสนใจคือ ความถี่ที่ยิ่งสูงนั้น จะมีพื้นที่กระจายสัญญาณแคบ ต้องวางเสากระจายสัญญาณจำนวนมาก ขณะที่ความถี่ที่ต่ำแบบ 850, 900 MHz นั้นกลับให้บริการพื้นที่ครอบคลุมและกว้างมากกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าผู้ให้บริการรายใหญ่ อย่างเช่น AT&T ในอเมริกา หรือ Telstra Mobile ของออสเตรเลียก็เลือกใช้คลื่นความถี่ต่ำเช่นกัน
เพราะงั้นความถี่สูงอย่าง 1800, 2100, 2300 MHz แม้จะทะลุทะลวงได้มาก เช่น อยู่ในอาคาร หรือสถานที่ชุมชน แต่ข้อเสียคือกระจายสัญญาณได้แคบ ทำให้สิ้นเปลืองการติดตั้งมากกว่า
ไม่ใช้ทุกคลื่น ที่มือถือเรารองรับเสมอไป
อย่างไรก็ดี คนใช้อย่างเราก็ควรต้องตรวจสอบว่ามือถือที่เราใช้ หรือต้องการจะซื้อนั้น รองรับคลื่นความถี่ที่ค่ายมือถือมีหรือไม่ ? เพราะไม่ใช่ทุกคลื่นที่มือถือจะรองรับเสมอไป
เช่น Samsung Hero บางรุ่นจะรองรับแค่ 900/1800MHz ซึ่งถ้าค่ายมือถือเรามีคลื่นอื่นๆ ก็ไม่สามารถใช้กันได้อยู่ดี
ไม่ใช่แค่นั้นมือถือในแต่ละเครื่องก็จะได้ความเร็วเน็ตไม่เท่ากันอีกด้วยเพราะมีความสามารถในการรับคลื่นที่ไม่เท่ากันซึ่งเราควรเลือกคลื่นที่มีการใช้อย่างแพร่หลายและเหมาะสมกับมือถือของเราจะดีที่สุด
เทคโนโลยี LTE ที่แตกต่างกัน
สำหรับเทคโนโลยี 4G LTE ตอนนี้มีการใช้อยู่หลายรูปแบบด้วยกัน หลักๆ คือ LTE-FDD และ LTE-TDD ทำให้เราควรต้องเรียนรู้ว่าแต่ละเทคโนโลยีนั้นดีอย่างไร และค่าที่เราเลือกใช้นั้นเลือกเทคโนโลยีแบบไหน
ซึ่งการใช้คลื่น 2300 MHZ ที่เป็น 4G LTE-TDD จะเป็นการแบ่งการรับ และสลับกับการส่งในแต่ละช่วงเวลา ตามรูปด้านขวา ซึ่งเมื่อส่งข้อมูลได้ 3 คลื่น จะได้รับกลับมาได้เพียง 1 คลื่น ส่วนการใช้คลื่น 2100 MHZ ที่เป็น 4G LTE-FDD จะมีการรับ-ส่งข้อมูลบนคลื่นความถี่สูง-ต่ำพร้อมๆ กัน ทำให้ใช้งานได้ลื่นไหลกว่า
โดยสรุป สุดท้ายแล้วสิ่งที่น่าสนใจกว่าคลื่นความถี่คือความเร็ว ที่แต่ละค่ายสามารถให้บริการกับผู้บริโภคอย่างพวกเราได้นั่นเอง ค่ายไหนเร็ว ค่ายไหนเสถียร คือค่ายที่เหมาะกับเราที่สุด ซึ่งการเลือกค่ายที่มีคลื่นมากสุด หรือคลอบคลุมพื้นที่มากที่สุด รองรับมือถือหลายรูปแบบ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับเราที่สุดนั่นเอง