Tim Cook เปิดศึกกับ Facebook บอกควรจะควบคุมตัวเองแต่สายไปแล้ว Mark Zuckerberg โต้กลับ
ช่วงนี้ Facebook พบปัญหาเรื่องการไม่ยอมแจ้งผู้ใช้ว่ามีการใช้ข้อมูลผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งกระทบกับชาวอเมริกันกว่า 50 ล้านคน จึงทำให้หลายฝ่ายเริ่มออกมาพูดถึงเรื่องเหล่านี้บ้าง ล่าสุดก็มี Tim Cook ซีอีโอของ Apple ที่ออกมาพูดและฝั่ง Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ก็โต้กลับไป
ท้าวความก่อนว่า ปัจจุบัน Facebook กำลังพบปัญหาจากหน่วยงานภาครัฐในกรณีที่บริษัทปกปิดเรื่องที่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ถูกบุคคลภายนอกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จนถูกสอบสวน เพราะว่าข้อมูลหลุดไปถึง Cambridge Analytica ซึ่งเป็นบริษัทจากสหราชอาณาจักรที่เป็นผู้ทำแคมเปญหาเสียงให้ Donald Trump ในช่วงการเลือกตั้งปี 2016 ทำให้หลายฝ่ายเริ่มสนใจกับประเด็นนี้มากขึ้น
Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้กล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ Recode และ MSNBC เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Facebook และบริษัทอื่น ๆ ต้องควบคุมการใช้ข้อมูลส่วนตัวในการสร้างโปรไฟล์ของแต่ละคนด้วย ซึ่ง Cook เชื่อว่า “ข้อกำหนดที่ดีที่สุดคือไม่มีข้อกำหนด ให้กำหนดกันเอง” แต่ว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว
ลักษณะของธุรกิจของ Facebook และ Google นั้นคือการใช้ข้อมูลลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจโฆษณา ในขณะที่ Apple นั้นพยายามเข้าสู่ธุรกิจโฆษณามาสักพัก แต่รายได้จากการขายฮาร์ดแวร์ให้ลูกค้าก็ยังเป็นส่วนสำคัญของบริษัทอยู่ ซึ่ง Cook บอกว่า “ความจริงก็คือ เราสามารถทำเงินจำนวนมากได้หากว่าเราทำเงินจากลูกค้าโดยตรงโดยการมองว่าลูกค้าคือสินค้า และเราเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น”
Kara Swisher จาก Recode ยังถาม Tim Cook ด้วยว่า หากตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับ Mark Zuckerberg จะทำอย่างไร Cook ตอบกลับมาว่า “ผมจะไม่อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น”
ส่วนฝั่ง Mark Zuckerberg ก็ตอบโต้กลับโดยผ่านการให้สัมภาษณ์กับ Ezra Klein จาก Vox โดยเขาโต้ สิ่งที่ Tim Cook พูดนั้นไม่แฟร์ เพราะ Facebook ใช้รายได้จากโฆษณาเพื่อทำให้แพลตฟอร์มใช้งานได้ฟรี
Zuckerberg บอกว่า ความจริงแล้วคือถ้าคุณต้องการสร้างบริการเพื่อช่วยในการเชื่อมต่อผู้คนบนโลก ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายได้ ซึ่งก็เหมือนกับสื่อทั่ว ๆ ไปที่การใช้โฆษณาสนับสนุนจะเป็นตัวช่วยให้ไปถึงจุดนั้น ซึ่งตัวเขานั้นเวลาจะคิดถึงอะไรจะคิดถึงชุมชนเป็นหลัก และโฟกัสในธุรกิจโฆษณาน้อยกว่า
นอกจากนี้ Zuckerberg ยังกล่าวต่อไปว่า ถ้าคุณกำลังสร้างบริการที่ไม่ได้ขายคนรวย ก็จะต้องมีบางอย่างที่ผู้คนควรเข้าถึงได้ และยกตัวอย่าง Jeff Bezos แห่ง Amazon ว่าทำ Kindle ราคาถูกทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ “มันมีบริษัทที่พยายามทำงานหนักเพื่อเก็บเงินคุณเยอะขึ้น กับบริษัทที่ทำงานหนักเพื่อเก็บเงินคุณน้อยลง” และ Facebook นั้นเป็นบริษัทประเภทหลัง เราจะทำงานหนักเพื่อเก็บเงินคุณให้น้อยลง และให้บริการฟรีที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้
สุดท้าย Zuckerberg บอกว่า การกระทำแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่แคร์ผู้ใช้งาน อย่าให้อาการ Stockholm syndrome ครอบงำและให้บริษัทที่เก็บเงินคุณแพง ๆ มาบอกว่าเป็นห่วงคุณ มันเป็นสิ่งที่น่าขำเหลือเกินสำหรับผม
เกร็ด: Stockholm syndrome คืออาการที่มักจะใช้อธิบายการที่ตัวประกันเข้าข้างคนร้ายที่จับตัวประกัน เป็นต้น – BBC