Apple II เคยเป็นคอมพิวเตอร์เบื้องหลังการพูดของ Stephen Hawking

เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาโลกได้สูญเสียนักฟิสิกส์ นักคิด และนักเขียนที่ชื่อว่า Stephen Hawking นักฟิสิกส์จากเกาะอังกฤษผู้บุกเบิกทฤษฏีการศึกษาหลุมดำสมัยใหม่ รวมถึงต่อยอดสานต่อผลงานของนักฟิสิกส์รุ่นก่อนอย่าง Albert Einstein และคนอื่น ๆ เขายังได้เขียนหนังสืออีกหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือ A Brief History of Time หรือ ประวัติย่อของกาลเวลา หนังสือขายดีแห่งศตวรรษที่อธิบานเรื่องราวของการศึกษาฟิสิกส์ดาราศาสตร์ยุคใหม่ไว้อย่างครบถ้วนสิ่งที่น่าทึ่งก็คือ Stephen Hawking นั้น ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือ ALS ในช่วงหลังจากที่เขาจบการศึกษาปริญญาเอก ในวัยเพียงแค่ 24 ปี จากนั้นความสามารถในการเคลื่อนไหวของเขาก็ลดลงเรื่อย ๆ และต้องนั่งอยู่บนรถเข็น สภาพของเขาแย่ไปกว่านั้น เมื่อโรคได้เริ่มลามมายังทุกกล้ามเนื้อในร่างกาย รวมถึงใบหน้า เขาพูดไม่ได้ทำได้เพียงแค่กระพริบตาและขยับใบหน้าเพียงเล็กน้อยฟังดูแล้วเหมือกับว่าชีวิตของ Hawking จะต้องจบลงแค่นั้น แต่ Stephen Hawking ก็อดทนต่อสู้กับโรค ALS เขานั่งบนรถเข็นไฟฟ้าตลอดช่วงชีวิตของเขา และพูดผ่านเสียงที่ถูกสังเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์Young-Stephen-Hawking-Reading-The-Guradianแม้ร่างกายของเขาจะถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดจนแทบจะไม่เหลือ แต่ในสมองของเขานั้นเต็มไปด้วยแนวคิด เรื่องราว การแก้ปัญหา และทฤษฏีฟิสิกส์ ที่น่าทึ่งชาญฉลาดเกินกว่ามนุษย์ผู้ใดบนโลก นั่นทำให้เขายังคงสร้างผลงานและเขียนหนังสือ ออกโทรทัศน์ ให้สัมภาษณ์ และทำหน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์ได้อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ร่างกายสมบูรณ์จะทำได้ อ่านเรื่องราวการศึกษาหลุมดำของ Stephen Hawkingวันนี้ทีมงาน MacThai ในฐานะบรรณาธิการเว็บไซต์ SPACETH.CO เว็บคอนเทนต์ด้านอวกาศ จะมาเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งเบื้องหลังการพูดของ Hawking ว่าคอมพิวเตอร์ Apple II ของ Apple นั้นมีส่วนช่วย Stephen Hawking ในการพูดได้อย่างไรในช่วงแรกที่เขาเสียความสามารถในการพูดอ่านออกเสียงนั้น ถ้าใครดูภาพยนตร์เรื่อง The Theory of Everything “ทฤษฏีรักนิรันดร” จะเห็นว่า Jane ภรรยาของ Stephen จะใช้ บัตรคำ และ บอร์ดคำ ในการสื่อสาร ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้การสื่อสารง่ายขึ้นแต่อย่างใดtheory_of_everythingแต่ด้วยความช่วยเหลือจาก Martin King เพื่อนนักฟิสิกส์ได้ลองใช้โปรแกรม Words Plus โปรแกรม Words Processor ยุคแรก ๆ เชื่อมเข้ากับโปรแกรมชื่อ Equalizer ทำให้ Stephen Hawking สามารถใช้รีโมตเล็ก ๆ ที่มือของเขาในการเลื่อนกดพูดคำต่าง ๆ ออกมาได้ซึ่งในตอนนั้น Walter Woltosz เจ้าของโปรแกรม Words Plus ก็ได้ใช้โปรแกรมแบบเดียวกันช่วยแม่ของเขาที่ป่วยด้วยโรค ALS ในการสื่อสารเช่นกันในที่สุดโปรแกรมนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้กับ Stephen Hawking ด้วยการเชื่อมต่อเครื่อง Apple II เข้ากับหน้าจอบนรถเข็นของ Hawking ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์บ้านยุคแรก มีขนาดเล็ก แต่ทรงพลัง และสามารถใส่สล็อตการ์ดต่าง ๆ เพิ่มได้ (ใครดูหนังเรื่อง Steve Jobs ก็จะจำได้ว่า Jobs กับ Wozniak ก็เถียงกันเรื่องที่จนเป็นสงครามเพื่อนรักกันนี่แหละ)the-theory-of-everything-04ระบบนี้ทำให้ Stephen Hawking พูดด้วยความเร็ว 15 คำต่อนาที ซึ่งแม้ว่าจะฟังดูช้า แต่นั่นก็ทำให้ Hawking สามารถสื่อสารและเขียนหนังสือ A Brief History of Time ได้ รวมถึงสามารถทำหน้าที่อาจารย์มหาวิทยาลัย และออกสื่อต่าง ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อStephen Hawking, British astrophysicist, is shown in Chicago Monday, Dec. 15, 1986. (AP Photo/Banks)ระบบการพูดของ Hawking ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามลำดับจากพื้นฐานของโปรแกรม Word Plus บน Apple II และถูกเปลี่ยนมารันบนระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยขึ้นมาตามลำดับ จนถึงปี 2008 ที่ Hawking ไม่สามารถใช้มือในการกดรีโมตได้อีกแล้ว ทำให้เขาต้องเปลี่ยนมาใช้กลไกลเล็ก ๆ บนแว่นตา แล้วขยิบตาเพื่อทำการพิมพ์แทนในปี 2012 Intel ได้ช่วยให้ Stephen Hawking สามารถสังเคราะห์คำพูดได้ไวขึ้นกว่าเดิมด้วยการพัฒนาระบบการพูดของ Stephen Hawking ใหม่ทั้งหมด ทำให้ Hawking สามารถพูดและออกสื่อได้มากกว่าที่เคยเป็น เรียกได้ว่าในปี 2012-2018 นั้นเราจะเห็น Hawking ออกสื่อค่อนข้างบ่อยครั้ง และได้มอบบทเรียนต่าง ๆ ให้กับมนุษยชาติ รวมถึงการเตือนถึงภัยของ AI ที่อาจทำลายมนุษย์เข้าซักวันstephen_hawkingปัจจุบัน Stephen Hawking นั้น ไร้ซึ่งความเจ็บปวดอีกต่อไป เขาเสียชีวิตอย่างสงบในวัย 76 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับคนธรรมดาคนนึง อันที่จริง Hawking ควรจะเสียขีวิตไปตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ แล้ว นั่นทำให้เขาเชื่อมั่นมาเสมอว่า ชีวิตของเขาจบลงแค่ช่วง 20 ต้น ๆ ตลอดเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมานี้ คือกำไรของชีวิตอันแสนยิ่งใหญ่ และเขาไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้อีกแล้วในฐานะผู้สนใจในด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ผู้เขียนก็ขอยกย่อง Stephen Hawking ในฐานะนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทำลายทุกข้อจำกัดทั้งด้านร่างกายและด้านความรู้ของมนุษย์ เพื่อศึกษาความกว้างใหญ่ของจักรวาล ที่ท้ายที่สุดก็ทำไปเพื่อเตือนเหล่ามนุษย์ด้วยกันเองว่า มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เยาว์ และอ่อนแอ ท่ามกลางเอกภพอันกว้างใหญ่ และทำให้เราเห็นว่าดาราศาสตร์นั้นคือศาสตร์แห่งความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แท้จริง เรียบเรียงโดย ทีมงาน MacThaiอ้างอิง Wired, inewsзайм на карту rusbankinfo.ru