รู้จักกับ 6 แบรนด์ดังระดับโลกที่ Sansiri ลงทุนกว่า 2,800 ล้านบาท !! และเข้าถือหุ้น มุ่งสู่ Global Brand
เป็นที่ฮือฮาทั่ววงการไปแล้ว กับการทุ่มทุนกว่า 2,800 ล้านบาทของแสนสิริ ที่เข้าไปซื้อหุ้นในบริษัทไอทีและไลฟ์สไตล์ระดับโลกกว่า 6 แบรนด์ดัง ซึ่งเป็นการต่อยอดไปถึงการเป็น Global Brand ของแสนสิริได้เป็นอย่างดีวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับทั้ง 6 แบรนด์ดัง ว่าเป็นใครมาจากไหนบ้าง และทำไมพวกเขาถึงน่าสนใจพอที่จะต่อยอดให้เป็นแบรนด์ระดับโลกต่อไปได้
Monocle (โมโนเคิล)
- นิตยสารแนวไลฟ์สไตล์ชื่อดังระดับโลก ที่เน้นเจาะกลุ่ม Premium ก่อตั้งเมื่อปี 2550
- ในขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์ต่างรายได้หดตัวลง ยอดคนสมัครแทบจะไม่มี แต่ Monocle กลับมีสมาชิกรายปีทั่วโลกกว่า 18,000 คน !!
- ทั้งที่ราคาต่อเล่มนั้นสูงถึงกว่า 500-600 บาทเลยทีเดียว
- ในแต่ละฉบับ จะมีการตีพิมพ์แค่ 80,000 ฉบับ ทำให้ Monocle เป็นที่ต้องการของนักสะสมมากเลยทีเดียว
- แผนการลงทุน Monocle จะทำหน้าที่ส่งเสริมแบรนด์แสนสิริและพันธมิตรให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยช่วยกำหนดและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เชื่อมโยงสู่กลุ่มลูกค้าของ Monocle
- ในตลาดนานาชาติโดยอาศัยฐานธุรกิจที่มีอยู่ทั่วโลก เป็นโอกาสที่จะใช้ชื่อแบรนด์ร่วมกันในเซกเตอร์ใหม่ในอนาคต
- สัดส่วนถือหุ้นกว่า 12.5% หรือ 200 ล้านบาท
- แสนสิริยังมีแผนในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยแบบมิกซ์ยูสแนวคิดใหม่ร่วมกับ Monocle ในกรุงเทพฯ ในปี 2561
- มร. ไทเลอร์ บรูเล่ ผู้ก่อตั้ง Monocle กล่าวว่า “เราเห็นความสำคัญของการร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มีแนวคิดสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของเราซึ่งกำลังมุ่งสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเมือง รีเทล และแนวคิดด้านบริการใหม่ ๆ มากขึ้น”
The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด)
- The Standard แบรนด์ทรงพลังในธุรกิจบูติกโฮเทล
- เปิดทำธุรกิจแล้ว 5 แห่งใน 4 เมืองใหญ่ นั่นคือ นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และไมอามี
- โรงแรมแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ในลอนดอน
- มีลูกค้าที่ใช้บริการมาแล้วมากกว่า 150,000 คนทั่วโลก
- ความโดดเด่นของ The Standard คือผู้บุกเบิกในธุรกิจโรงแรมแบบไลฟ์สไตล์และสร้างประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมที่ใหม่หมดทุกรายละเอียด
- โรงแรมทุกแห่งมีภัตตาคาร ไนท์ไลฟ์ และร้านค้าที่มีคุณภาพเป็นเลิศ
- มีช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่โดดเด่นเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
- แสนสิริทุ่มทุนกว่ากว่า 1,900 ล้านบาท เข้าผู้ถือหุ้น 35% หรือ ในสี่กลุ่มธุรกิจของ Standard International
- ประกอบด้วย The Standard Hotel Operations and Management, Bunkhouse Group, แอพพลิเคชั่น One Night และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรม
JustCo (จัสท์โค)
- Co-Working Space ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 11 แห่ง
- มีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 20 แห่งในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2561
- เตรียมเปิดสาขาในไทย 4 สาขา ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2561
- อนาคตองค์กรขนาดใหญ่จะหันมาใช้สถานที่ทำงานแบบโคเวิร์คกิ้งสเปซมากขึ้นเพื่อส่งเสริมให้พนักงานเกิดพลังสร้างสรรค์ การผสมผสานทางความคิด และพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี
One Night (วัน ไนท์)
- แอพพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Standard International
- ซึ่งก็เป็นกลุ่มธุรกิจที่แสนสิริเข้าถือหุ้นด้วยนั่นเอง
- เป็นแพล็ตฟอร์มการจองโรงแรมระบบแรกซึ่งออกแบบโดยบริษัทโรงแรมเอง
- ความเจ๋งคือการจองห้องพักที่เน้นหาห้องอย่างว่องไวในแบบคืนเดียว
- ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผู้บริโภครุ่นใหม่
- เนื่องจากเป็นแอพจองโรงแรม ที่เกิดจากคนทำโรงแรมสร้างเอง One Night จึงไม่ได้มองคู่แข่งเป็นคู่แข่ง แต่มองคู่แข่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพในการทำอะไรร่วมกันได้เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้า
Hostmaker (โฮสต์เมกเกอร์)
- ผู้ให้บริการบริหารการเช่าที่พักอาศัยและผู้บริหารการจองที่พักอันดับหนึ่งของ Airbnb
- มีลูกค้าผู้พักอาศัยมาแล้วกว่า 150,000 คนทั่วโลก
- Hostmaker ดำเนินธุรกิจในลอนดอน โรม ปารีส และบาเซโลน่า
- ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้วจากหลายสถาบัน
- เทรนด์ home-sharing หรือการแบ่งที่พักอาศัยให้เช่ากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
- บริการด้านบริหารที่พักอาศัยจึงเติบโตขึ้นมากตามไปด้วย
Farmshelf (ฟาร์มเชลฟ์)
- ผู้สร้างนวัตกรรมการเพาะปลูกแบบอัตโนมัติ
- ช่วยให้ทุกคนสามารถปลูกผักเพื่อการบริโภคได้ง่ายดายภายในบ้านหรือที่ทำงาน
- แสนสิริลงทุนใน Farmshelf เนื่องจากเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจด้านสุขภาพ
- รวมถึงแนวโน้มของผู้บริโภคที่มีความต้องการอาหารคุณภาพที่สดใหม่
- การตื่นตัวของการพักอาศัยแบบร่วมมือแบ่งปันกัน (collaborative living) ทำให้ธุรกิจของ Farmshelf เติบโตได้อีกมาก
บรรยากาศงาน Sansiri : Everyday Visionaries
ทีมงาน MacThai ได้มีโอกาสไปร่วมปาตี้สนุกๆ ที่ร้าน The Summer House Project ในโครงการ The Jam Factory ซึ่งแน่นอนว่าแสนสิริจัดงานทั้งที ย่อมเน้นบรรยากาศสนุกๆ ชิคชิวให้ได้ผ่อนคลายกันโดยภายในงานก็มีการจัดมุมนั่งเล่นรับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเสียงเพลงสนุกๆ จากดีเจชื่อดัง ทำให้แขกที่มาจากหลากหลายมุมทั่วกรุงเทพ รวมถึงทั่วโลกก็ได้สนุกไปด้วยพร้อมๆ กันนอกจากอาหารและเครื่องดื่มดีๆ แล้ว ยังมีการจัดบูทของทั้ง 6 พันธมิตรของแสนสิริ ซึ่งได้มาเปิดตัวพร้อมกับผู้บริหารของทุกแบรนด์ พร้อมพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับทุกท่านที่มาร่วมงาน
จะเห็นได้ว่า จากการที่แสนสิริซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรรายเดียวของประเทศซึ่งมีมูลค่ายอดขายโครงการมากกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมีชื่อเสียงอันแข็งแกร่งในต่างประเทศโดยปีนี้แสนสิริได้เปิดทำธุรกิจทั้งในจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ด้วยเป้าหมายยอดขายในตลาดต่างประเทศในปี 2560 ที่ 12,000 ล้านบาทการจับมือกับพันธมิตรระดับโลกทั้ง 6 รายในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของแสนสิริ ที่จะต่อยอดทั้งในการเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก, การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัย (PropTech) และ การเสริมสร้างการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมอีกด้วยอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม – Sansiri : Everyday Visionariesзайм на карту rusbankinfo.ru