วิเคราะห์การออกแบบอันแสนขัดใจของ iPhone X
ในที่สุดภาพก็ปรากฏให้เห็นตามข่าวลือ แม้หลายคนจะไม่เชื่อข่าวลือจากฝั่งจีนมากเท่าไหร่ แต่การหลุดทั้งชื่อและ Design ของ iPhone X – iPhone รุ่นฉลองครบรอบ 10 ปีของ Apple ที่หลุดออกมาผ่านอินเทอร์เน็ตก็ทำให้งานเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X ณ สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ในแคลิฟอร์เนียเป็นไปตามที่ทุกคนเดาไว้ Apple ทำการเปิดตัว iPhone 8 ก่อนที่จะตามมาด้วย one more thing วลีเด็ดตั้งแต่สมัย Steve Jobs ที่ Tim Cook นำกลับมาใช้เพื่อเปิดตัวสินค้าที่ Apple เคลมว่าคืออนาคตของ iPhone นั่นคือ iPhone X
iPhone X เป็นสามาร์ทโฟนไร้ขอบ สูง 5.65 นิ้ว กว้าง 2.79 นิ้ว พื้นที่ด้านหน้าของมันกว่า 90% เป็นจอ OLED ที่เรียกว่า Super Retina display ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของ iPhone X เป็นกระจกที่ Apple เคลมว่าแกร่งที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนทั้งหลายทนต่อแรงกระแทกและการขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม งานออกแบบ iPhone X ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่เรียกได้ว่างานศิลปะ แต่งานศิลปะชิ้นนี้กลับมา ตราบาป ที่แสดงให้เห็นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ทำการเปิดตัว นั่นคือจอที่แหว่งไปด้านบน ทิ้งให้เห็นเป็นรอยสีดำขนาดใหญ่ ทำให้พูดไม่ได้เต็มปากว่า iPhone X นั้นด้านหน้ามีแต่จอ
Unibody งานประกอบไร้รอยต่อ
มิถุนายนปี 2010 ตอนที่ Steve Jobs เปิดตัว iPhone 4 ตอนนั้นเขาคิดวิธีที่จะรับมือกับคำถามว่าทำไม iPhone 4 ต้องมีขีด ๆ สีดำขั้นไว้ระหว่างขอบของเครื่องด้วย ซึ่งแน่นอนว่า “มันไม่ใช่วิสัย Apple” ที่จะต้องออกแบบให้ไร้รอยต่อ คล้ายกับกรณีของ iPhone X ในตอนนั้นเว็บไซต์ Gizmodo ได้ทำการเปิดเผยภาพหลุด ที่ทำให้ทั่วโลกนั้นได้ยลโฉม iPhone 4 ของ Apple ก่อนหน้างานเปิดตัว แต่สิ่งที่ทำให้ทุกสื่อต้องเป็นงงก็คือขอบสีดำที่ทำให้โลหะรอบเครื่อง ไม่เป็นชิ้นเดียวกัน เส้นขอบนี้ยังคงปรากฏมาให้เห็นใน iPhone ทุกวันนี้
Apple นั้นมีภาษาการออกแบบที่เรียกว่า unibody ซึ่งหมายถึงการนำอลูมิเนียมทั้งก้อนมาใช้เทคนิค CNC ในการตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกเพื่อขึ้นรูปสินค้าต่าง ๆ (ส่วนที่ถูกตัดออกจะถูกนำไปสร้างเป็นสินค้าขนาดเล็กอื่น ๆ ที่ใช้วัสดุเดียวกัน) การที่ขอบของ iPhone 4 ประกอบจากโลหะสองชิ้นทั้งที่ Apple สามารถและเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าไร้รอยต่อทำให้สื่อต่าง ๆ ตั้งข้อสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับ iPhone X
ย้อนกลับมาที่งานเปิดตัว Steve Jobs เริ่มต้นบนเวทีว่า “It turns out that it’s an engineering” จากนั้นก็อธิบายว่าขีดนั้นคือการแบ่งขอบของเครื่อง iPhone ออกเป็น 2 ชุด ทำให้ iPhone กลายเป็นโทรศัพท์เครื่องแรกของโลกที่ใช้ตัวเครืองเป็นเสาสัญญาณ Steve Jobs ได้เปลี่ยนมุมมองของคนทั้งโลกให้มองว่าขีด ๆ สีดำนี้ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่มันคือการออกแบบทางวิศวกรรมที่น่าทึ่งและกลายเป็นสิ่งที่สวยงาม
ขัดใจแล้วขัดใจอีก
iPhone 4 นั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Apple ออกมาแล้วสร้างความขัดใจให้กับสาวก แต่สิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ นี้ เช่น EarPods ที่เปิดตัวพร้อมกับ iPhone 5 ซึ่งตอนแรกไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมหูฟังต้องดูอ้วน ๆ ป้อม ๆ น่าตลก (ซึ่งคนก็เห็นจากภาพหลุดเช่นกัน) ภายหลัง Apple มาเฉลยบนเวทีว่าเป็นการขึ้นโครงตามรูหูของมนุษย์ ที่ออกแบบมาให้ไม่หลุดง่าย และมอบเสียงที่คมชัด มีมิติขึ้น ยิ่งเวลาผ่านไปก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะ Apple ขาดความใส่ใจจริง ๆ หรือว่าสื่อต่าง ๆ ประโคมข่าวได้ง่ายขึ้นกันแน่ ที่ทำให้ Apple โดนด่าเรื่องการออกแบบอยู่หลายครั้ง แต่ตั้ง Apple Pencil ที่เอาไปเสียบกับ Lightning Port ของ iPad Pro หรือ Magic mouse รุ่นใหม่ที่ต้องหงายท้องขึ้นเพื่อเสียบสายชาร์จ
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านี้ในยุคของ Steve Jobs ผู้ใช้งานจะไม่แสดงความหงุดหงิดต่อสินค้า Apple ใน iPod nano รุ่นที่ 4 นั้น Apple จำเป็นที่จะต้องขยับช่องเสียบชาร์จไปทางด้านซ้ายเพื่อให้สามารถใส่รูหูฟังได้ ทำให้ iPod รุ่นนี้เมื่อวางบน dock หรือเครื่องเสียงที่รองรับ iPod เราจะรู้สึกว่ามันอยู่ไม่ตรงกลาง และสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้เล็กน้อย
สะพานแขวนที่ไม่แขวน
ในบางครั้งงานออกแบบก็มีเหตุผลของมัน แน่นอนว่าสะพานแขวนคือสุดยอดแห่งงานวิศวกรรม สะพานโกลเดนเกตสะพานแขวนที่ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในโลก นิยามของคำว่าสวยของมันไม่ใช่การออกแบบสะพานที่มีสลิงแขวน แน่นอนว่าสะพานสวยได้ไม่จำเป็นต้องเป็นสะพานแขวน แต่หน้าที่ของการออกแบบ คือการออกแบบสะพานให้สวยโดยที่ยังคงความเป็นสะพานแขวน สลิงเหล่านั้นคือส่วนประกอบจำเป็นที่ต้องมีและหากไม่มี มันก็คงอยู่ในรูปของสะพานแขวนไม่ได้เลย
สิ่งที่ทำให้สะพานโกลเดิลเกต เป็นสะพานแขวนที่สวยที่สุดในโลก ไม่ใช่เพราะมันเป็นสะพานแขวนที่มีสลิง แต่เป็นเพราะองค์ประกอบต่าง ๆ ของมัน ตั้งแต่เสา ฐาน และการโยงสลิงขึงมีความลงตัว สวยงาม การออกแบบจำเป็นต้องเป็นไปตามหลักวิศวกรรม ในขณะที่งานประกอบเป็นตัวบ่งบอกว่าประดิษฐกรรมชิ้นนั้นสมบูรณ์แบบเพียงใด
แล้วทำไม Apple ไม่ทำจอแบบอื่นไม่ให้มีติ่ง
หากมองว่าความสมมาตรคือความสวยงาม แล้วทำไม Apple ไม่เลือกที่จะเว้นบริเวณด้านล่างของจอ บริเวณที่เคยเป็นปุ่ม home ขึ้นมาเล็กน้อย แล้วแทนบริเวณจอด้านบนที่เว้าขึ้นไป ซึ่งทำให้ดูคล้ายกับ Design ของสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของ Samsung ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน
ทางผู้เขียนคาดว่าเหตุผลที่ Apple เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้นก็เพราะว่า iPhone ไม่ใช่อุปกรณ์เหมือน iPad พอพูดเช่นนี้อาจจะมองว่า iPad เกี่ยวอะไร อย่าลืมว่าเดิมที Apple ออกแบบ iPad มาให้เป็นลักษณะของ “แผ่น” ผู้ใช้สามารถหยิบมันขึ้นมาใช้ได้โดยไม่ต้องสนใจว่าจะอยู่ในแนวนอนแนวตั้งหรือแม้กระทั่งกลับหัวก็ตาม หน้าจอของ iPad ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ไม่ว่าผู้ใช้จะถือมันแบบได้ การออกแบบนั้นตกทอดมาถึง iPad Pro ปัจจุบัน แม้ Apple จะลดขอบด้านข้างของ iPad Pro แต่ Apple ก็ยังเว้นพื้นที่ด้านบนของเครื่องไว้ให้เท่ากับบริเวณปุ่ม Home ด้านล่าง ให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกสมมาตร ไม่จำเป็นต้องสนว่าจะหยิบด้านใดขึ้นมา แท้จริงแล้วด้วยท่าทางการขยุ้มจอเพื่อกลับหน้า Home ของ iPad ทำให้มันสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องสนใจปุ่ม Home ด้วยซ้ำiPhone ไม่ได้ถูกออกแบบมาเช่นนั้น ในงานเปิดตัว iPhone ปี 2007 Steve Jobs โชว์ความสามารถว่า iPhone สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลไปตามที่ผู้ใช้งานต้องการได้ไม่ว่าจะแนวตั้งหรือแนวนอน แต่ไม่ใช่การใช้ iPhone กลับหัว เพราะภาพที่ออกมาอาจจะดูแปลก ๆ ไปเสียหน่อย
iPhone ยังคงต้องการการอ้างอิงการหมุนที่ชัดเจน สำหรับ iPhone รุ่นแรกจนถึง iPhone 8 ตำแหน่งอ้างอิงที่ชัดเจนที่สุดบนหน้าจอก็คือปุ่ม home แต่หลังจากที่ iPhone X ตัดปุ่ม home ออก สิ่งเดียวที่จะเหลือไว้ใช้อ้างอิงได้ก็คือลำโพงด้านบนและกล้องหน้าเท่านั้น หาก Apple ตัดตรงนี้ออกไปก็แทบจะไม่ต้องรู้กันแล้วว่า iPhone ของเรากลับหัวอยู่หรือเปล่า ถ้า Apple เลือกที่จะเว้นด้านบนเป็นแถบดำทั้งหมดแล้วด้านล่างล่างไม่มีปุ่ม home โทรศัพท์อาจจะรู้สึก “หนัก” ไปทางด้านบนจนเหมือนจะหงายหลุดจากมือไปซะงั้น
สัมผัสที่ราบรื่นจากขอบโค้ง
คำถามที่ว่าทำไม Apple ไม่เว้นบนและล่างให้เท่ากันก็น่าจะเป็นเพราะว่าเมื่อตัดปุ่ม Home ออกไปผู้ใช้งานจำเป็นต้องสร้างท่าทางใหม่สำหรับการกลับหน้า Home ซึ่งที่ Apple เลือกใช้ก็คือการสร้างปุ่ม home เสมือนที่ด้านล่าง แล้วให้ผู้ใช้ลากนิ้วจากบริเวณความโค้งระหว่างจอกับขอบขึ้นมาสู่หน้าจอคล้ายกับการเปิด Control Center บน iPhone รุ่นอื่น ๆ (Apple ย้าย Control Center บน iPhone X ไปด้านบนโดยลากลงจากฝั่งขวา)
นี่เป็นการใช้การออกแบบ Hardware มาขับเคลื่อน Software และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นมาก สิ่งนี้ปรากฏให้เราเห็นครั้งแรกใน iPhone 6 ซึ่งเป็น iPhone ขอบโค้งมนตัวแรกของ Apple ที่เอาความรู้สึกน่ารำคาญของการเหมือนโดนขอบข่วนนิ้วของ iPhone 4 จนถึง iPhone 5S ทิ้งไปซะ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถลากนิ้วได้ตั้งแต่บริเวณขอบจอจากซ้ายสุดไปจนถึงขวาสุดการที่ Apple จะมอบความลื่นไหลในประสบการณ์การใช้งานเช่นนี้ได้นั่นหมายความว่า Apple ต้องทำจอให้ติดกับขอบมากที่สุด การเว้นพื้นที่เพียงเพราะให้เกิดความสมมาตรนั้นอาจจะไม่อยู่ในความคิดของ Apple เลยก็เป็นได้
สรุปอย่างไรไม่มีใครรู้ ต้องพิสูจน์
ถ้าจะถามว่า Apple ใส่ใจในการออกแบบแค่ไหน ผู้เขียนกล้าพูดว่าในบรรดาบริษัทที่ผลิต Hardware ไม่มีบริษัทใดที่มีเบื้องหลังการออกแบบเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ และความใส่ใจเท่ากับ Apple ที่ใส่ใจแม้กระทั่งการวางองศาการโค้งมุมของงานออกแบบแต่ละงาน หากลองเอานิ้วลูบบริเวณของโค้งของสินค้า Apple ตั้งแต่ iPhone, Mac, Apple TV จะพบว่า Apple ใช้การโค้งที่ไม่ได้มีองศาการโค้งเท่ากันทั้งหมด ยิ่งอยู่ใกล้ขอบมากก็จะยิ่งโค้งน้อยและเพิ่มความโค้งขึ้นเรื่อย ๆ และโค้งสูงสุดที่มุม 45 องศาพอดี
หากเรานำมันมาเขียนเป็น function ทางคณิตศาสตร์ จะพบว่าการโค้งของ Apple นั้นสามารถ define ได้ด้วย function เดียวกันเป๊ะ ๆ สิ่งที่ถูกนำไปใช้ตั้งแต่ตัว Hardware จนถึง Software อย่าง icon ของแอพ แน่นอนว่ามันถูกนำมาใช้กับ ติ่งเจ้าปัญหาของ iPhone X นี้ด้วย หากติ่งของ iPhone X ถูกออกแบบด้วยบริษัทอื่น เจ้าติ่งนี้อาจจะดูน่ารำคาญตากว่านี้หลายเท่า
ความสมบูรณ์แบบไม่ได้ถูกนิยามด้วยความเที่ยงตรงใด ๆ แต่มันแปรผันไปตามสิ่งที่มันเป็น เหมือนที่ Steve Jobs เคยบอกว่า “Design is not just what it looks like and feels like. Design is how it works” ถ้าเจ้าติ่งบน iPhone X นี้ถูกออกแบบมาอย่างดีเช่นเดียวกับองค์ประกอบอื่น ๆ กว่า 90% ของเครื่องแล้วหละก็ ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องไปรู้สึกรำคาญกับแนวคิดของตัวเองที่คาดหวังต่อสิ่งต่าง ๆ ให้มันเป็นอย่างที่ใจต้องการ เพียงแต่ให้มาโฟกัสที่ว่า มันทำอะไรให้กับเราบ้างต่างหาก หลังจากรู้สึกแล้ว จะเป็นอย่างไรค่อยตัดสินอีกที บทความโดย ทีมงาน MacThaiอ้างอิงApple’s Icons Have That Shape for a Very Good ReasonThe Real Story on iPhone 4’s AntennaApple Developer – iPhone X Human Interface GuidelineYoutube – Steve Jobs introducing iPhone 4Youtube – Steve Jobs introducing iPad займ на карту rusbankinfo.ru