Apple สนับสนุนเงินให้ผู้สร้างเพลงหลายราย เพื่อนำเพลงเหล่านั้นมาลงเฉพาะ Apple Music

apple-music-adsขKenny Chesney

Rolling Stone ได้เผยรายงานว่า ตอนนี้ Apple เริ่มจะสนับสนุนทางด้านการเงินในการสร้างคอนเทนต์หลาย ๆ แบบ ไม่ว่าจะเป็นเพลง, มิวสิควิดีโอ และอื่น ๆ

ปัจจุบัน Apple อยู่ในตำแหน่งที่เป็นผู้นำด้านการกระจายคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งรายงานล่าสุดเผยว่าตอนนี้ Apple ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินกับเหล่าผู้สร้างคอนเทนต์ดัง ๆ หลายเจ้า และผลพลอยได้ที่ Apple จะได้รับก็คือคอนเทนต์เหล่านั้นจะได้นำมาลงเฉพาะ Apple Music (โดยอาจมีระยะเวลากำหนด หรือตลอดไป แล้วแต่การตัดสินใจ)

จากรายงานเผยว่า เงินที่ Apple จ่ายไปนั้น มีทั้งไปสนับสนุนมิวสิควิดีโอ Phenomenal ของ Enimem, ภาพยนตร์คอนเสิร์ต 1989 World Tour ของ Taylor Swift, Hotline Bling ของ Drake, Can’t Feel My Face สองเวอร์ชันของ The Weeknd, EVOL ของ Future และ Apple ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ Keith Richards, the Black Eyed Peas, Selena Gomez และยังมีศิลปินอื่น ๆ อีกมากมาย

โครงการสนับสนุนผู้สร้างคอนเทนต์ของ Apple นั้นถือว่าเป็นโครงการใหญ่ของ Apple ที่แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงอย่าง Tim Cook ก็ไปร่วมกับการสร้างวิดีโอ Borders ของ M.I.A. ด้วย

Jimmy Iovine ผู้ก่อตั้ง Beats ที่ทำงานร่วมกับ Apple ตั้งแต่ที่ได้ซื้อบริษัทมาก็ได้บอกว่า “เราอยากจะเป็นบ้านให้ศิลปินทำสิ่งต่าง ๆ ได้”

applemusicbanner4

Monte Lipman จาก Republic Record ต้นสังกัดของ Weeknd และ Ariana Grande บอกว่า “Apple is sexy” ซึ่งเขาบอกต่อไปว่า พวกเขาเตรียมการทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน ซึ่งพวกเขาเข้าหาเราในแบบที่เราตัดสินใจว่าเป็นโอกาสที่เป็นวิธีใหม่ ๆ (groundbreaking opportunities)

Larry Jackson ซึ่งมีตำแหน่งดูแลด้าน original-music content ของ Apple เคยบอกไว้ว่าเป้าหมายคือทำให้ Apple Music เป็นจุดรวมของทุกสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันใน pop culture ซึ่งตัว Jackson นี้เองคือผู้ที่มีหน้าที่หลักในการเจรจา, เซ็นสัญญาต่าง ๆ กับค่ายเพลงและศิลปินโดยตรง

Lipman บอกว่า Apple มี sense ของการผจญภัย คือความมั่นใจสูงสุดของพวกเขา Jackson จะชอบเล่าเรื่องของ Iovine ที่ว่า “มีแร้งสองตัวเกาะสายไฟอยู่ แร้งตัวหนึ่งกำลังรอให้สิ่งหนึ่งตาย ส่วนแร้งอีกตัวบอกว่า ‘รอทำไม ฆ่าอะไรสักอย่างไปเลยดีกว่า’ นั่นคือแนวคิด คุณก็แค่ทำแล้วก็ทำให้มันเสร็จ”

taylor-swift-will-release-1989-world-tour-exclusively-on-apple-music-cover

สำหรับ Taylor Swift แล้ว ในวิดีโอ 1989 World Tour นั้น เธอกล่าวว่า Jackson ได้ร่วมกันกับเธอทั้ง​การถกเถียง, วางแผน และแก้ไขด้วยกัน โดยความร่วมมือนี้ยังขยายไปจนถึงโฆษณาด้วย โดยโฆษณาที่ Taylor Swift แสดงนั้นมีตอนหนึ่งใช้เพลง Jumpman ของ Drake & Future ผลลัพธ์คือยอดขายของเพลงสูงขึ้น 4 เท่าหลังจากโฆษณาชิ้นนี้ออกมา

แม้กระนั้นก็ตาม Apple ก็ยังพลาดคอนเทนต์จาก Kanye West โดยนำอัลบั้ม The Life of Pablo ไปลง Tidal แทนด้วยเหตุผลที่ West อยากทำงานกับ Jay Z ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา (และ 6 สัปดาห์ให้หลัง อัลบั้มนี้ก็มาลงบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ รวมทั้ง Apple Music)

Apple Music จะเน้นไปที่คอนเทนต์ แม้ว่า Apple เองถือว่ายังอีกไกลต่อการควบคุมธุรกิจสตรีมเพลงได้ทั้งหมด โดยธุรกิจนี้มียอดรวมธุรกิจเติบโตจาก 1.4 พันล้านในปี 2013 เป็น 2.4 พันล้านในปี 2015 ซึ่งมีคู่แข่งอย่าง Spotify ที่มีผู้สมัครสมาชิกเสียเงิน 30 ล้านคน, Apple Music มีผู้สมัครสมาชิก 15 ล้นคน และ Tidal มี 3 ล้านคน

Spotify จะได้เปรียบคู่แข่งอื่น ๆ ในแง่ฐานผู้ใช้ เพราะทั้งบริการมีผู้ใช้รวมทั้ง freemium (ฟรีมีโฆษณา) รวมกับผู้ใช้ที่เสียเงินอยู่ที่ 100 ล้านคน ส่วน Tidal ของ Jay Z ก็จะมีเพลงแบบ exclusive ของศิลปินระดับ high-profile เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Beyoncé, Rihanna และ Kanye West

แต่เมื่อดูไปที่คู่แข่งทุกรายในธุรกิจแล้ว สิ่งที่ Apple มีเยอะที่สุด และสามารถใช้ได้เต็มที่แบบที่ไม่มีใครสู้ในระยะเวลาอันสั้นได้เลยก็คือ “เงิน” โดยเงินที่ Apple มีอยู่สามารถเอาไปใช้สร้างคอนเทนต์และพัฒนา Apple Music ให้ทัดเทียมและแข่งขันกับคู่แข่งอีก 2 เจ้าได้ไม่ยาก ซึ่งจากรายงานก็พอจะเห็นภาพได้คร่าว ๆ ว่า Apple วางแผนจะใช้เงินเพื่อสนับสนุนในการสร้างคอนเทนต์มาแข่งกับบริการอื่น ๆ นั่นเอง

ที่มา – AppleInsider, Rolling Stone