App Store เตรียมยกเครื่อง: เพิ่ม Subscription, ตรวจแอพเร็วขึ้น, โฆษณาในผลการค้นหา
Phil Schiller ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Verge ถึงแนวทางของ App Store ในอนาคต ซึ่งแอปเปิลเตรียมประกาศรายละเอียดเต็มทั้งหมดในงาน WWDC สัปดาห์หน้านี้
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะเกิดขึ้นกับ App Store ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญสำหรับเหล่านักพัฒนาแอพ มีใหญ่ๆ อยู่ 3 ประการดังนี้
ขายแอพแบบ Subscription ได้ทุกหมวด
แต่เดิมเรามีแอพให้ใช้งานแบบฟรี และเสียเงินครั้งเดียวจบ โดยมีแอพบางหมวดที่สามารถขายในระบบ Subscription ได้ (หักเงินเป็นรอบๆ) แต่จากนี้ App Store จะเปิดให้แอพทุกหมวด สามารถขายแอพในระบบ Subscription ได้ ซึ่งแอปเปิลก็เพิ่มแรงจูงใจ โดยกำหนดให้แอพที่คิดเงินในแบบนี้ จะถูกหักส่วนแบ่งปีแรก 30% ตามปกติ แต่ปีต่อๆ ไปจะลดเหลือ 15% ทำให้นักพัฒนาทำเงินได้มากขึ้น
โมเดลการคิดเงินแอพแบบนี้น่าจะจูงใจให้นักพัฒนาโฟกัสกับแอพบน iOS ได้มากขึ้น พวกเขาสามารถทำเงินแบบระยะยาว คุ้มค่ากับการลงแรงอัพเดตซอฟท์แวร์ต่อเนื่องให้กับลูกค้า ไม่ใช่ขายแล้วจบครั้งเดียวแบบเช่นในอดีต
แอปเปิลระบุว่ารูปแบบการตั้งราคาแอพในแบบ Subscription นี้ทำได้มากกว่า 200 รูปแบบ แปรเปลี่ยนตามค่าเงินและภูมิประเทศที่จำหน่าย ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งกับนักพัฒนาและผู้ใช้งาน
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่ What’s New in Subscriptions
ปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบแอพ
แอปเปิลได้ปรับปรุงขั้นตอนการทำงานในการตรวจสอบแอพ ก่อนส่งขึ้น App Store ทั้งแอพใหม่ และแอพที่มีการอัพเดต ซึ่ง Schiller บอกว่าผลจากการปรับปรุงนี้ทำให้มากกว่า 50% ของแอพที่ส่งเข้ามาได้รับการอนุมัติภายใน 24 ชั่วโมง และ 90% ภายใน 48 ชั่วโมง
การเปลี่ยนแปลงภายในขั้นตอนทำงานที่ Schiller พูดถึงมีทั้งการปรับปรุงเครื่องมือตรวจสอบของแอปเปิลเอง, การปรับบุคลากรภายใน ตลอดจนการปรับเงื่อนไขข้อตกลงในการตรวจสอบแอพ
โฆษณาแอพในผลการค้นหา
เรื่องนี้อาจจะแปลกสักหน่อยสำหรับแอปเปิล แต่แอปเปิลจะเพิ่มโฆษณาแอพในผลการค้นหาผ่าน App Store ซึ่งจะแสดงโฆษณาเพียง 1 แอพในตำแหน่งด้านบนสุดของผลการค้นหา พร้อมกับระบุว่าเป็น Ad (โฆษณา) โดยนักพัฒนาสามารถซื้อโฆษณาตำแหน่งดังกล่าวด้วยระบบประมูลตามคีย์เวิร์ดค้นหา
คุณสมบัติใหม่ๆ ใน App Store ที่ว่ามาจะทยอยเปิดให้นักพัฒนาใช้งานในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยรายละเอียดทั้งหมดจะมีการประกาศในงาน WWDC สัปดาห์หน้า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Introducing Search Ads
ที่มา: The Verge, Daring Fireball, Apple Developer