GrabBike vs UberMoto ตลาดแอพเรียกมอเตอร์ไซค์ระอุ เทียบใครเจ๋งกว่ากัน

grabbike-ubermoto-compare-cover

นอกจากตลาดแอพเรียกแท็กซี่ในไทยจะมีการแข่งขันอย่างดุเดือดแล้ว ล่าสุดตลาดแอพเรียกมอเตอร์ไซค์ก็ระอุไม่แพ้กัน เมื่อ GrabBike เจ้าจตลาดเดิม กำลังมีคู่แข่งใหม่อย่าง UberMoto 

แน่นอนว่าเมื่อมีการแข่งขัน ประโยชน์ก็ตกมาอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเรา วันนี้เรามาดูข้อมูลของแต่ละบริการกันดีกว่า ว่ามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง

grabbike-ubermoto-compare-3

ราคา ความคุ้มค่า

แน่นอนว่าการเรียกวินมอเตอร์ไซค์อย่างที่พวกเราคุ้นเคย แต่ในบางสถานที่เองก็ไม่มีพี่วินให้เรียก หรือบางทีพี่วินก็ไม่ยอมไปที่เราอยากไป การใช้แอพก็มาเพิ่มความสะดวกสบายให้มากขึ้น แต่เรื่องราคาล่ะ ?

  • GrabBike ราคาเริ่มต้นที่ 10 บาท สำหรับระยะทางที่เพิ่มคิดค่าบริการ 5 บาท ต่อกิโลเมตร
  • UberMoto ราคาเริ่มต้นที่ 10 บาท สำหรับระยะทางที่เพิ่มคิดค่าบริการ 3.5 บาท ต่อกิโลเมตร และเวลาในการเดินทาง 0.85 บาทต่อนาที

ซึ่งถ้าเทียบในระยะทางที่เท่ากันแล้ว UberMoto เหมือนว่าจะถูกกว่า แต่ถ้าระยะเวลาเดินทางมากขึ้นก็จะแพงกว่าได้เช่นกัน เช่นถ้านั่งจากสยามไปถนนราชดำเนิน ใช้เวลา 25 นาทีระยะทาง 6 กิโลเมตร ค่าบริการ GrabBike จะอยู่ที่ 30 บาท แต่ UberMoto จะอยู่ที่ 42.25 บาท

สำหรับการแสดงค่าบริการที่ใช้ทาง GrabBike จะแสดงให้ดูก่อนขึ้นว่าค่าบริการเท่าไหร่ ส่วน UberMoto จะไม่ได้แสดงค่าบริการก่อนขึ้น (น่าจะเพราะมีปัจจัยเรื่องเวลาในการส่งเข้ามาด้วย)

บริการส่งของ

GrabBike มีบริการส่งของทางมอเตอร์ไซค์ภายใน 1 ชั่วโมงในเขตกรุงเทพ ส่วน UberMoto ไม่มีบริการส่งของ

grabbike-ubermoto-compare-9

จำนวนคนขับ และระยะเวลาในการรอรถ

แน่นอนว่าการเรียกใช้แอพก็ต้องมีทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ ซึ่งยิ่งมากก็ยิ่งดี โดยทั้ง 2 ค่ายต่างก็ไม่มีใครเปิดเผยจำนวนผู้ขับมอเตอร์ไซค์ที่มีอยู่ในระบบ

อย่างไรก็ดี GrabBike ดูจะได้เปรียบกว่าพอสมควรเมื่อเปิดบริการมาแล้วกว่า 8 เดือน ซึ่งก็มีให้บริการทั่วกรุงเทพ ต่างจาก UberMoto ที่เพิ่งเริ่มไม่นาน ก็จะเน้นในเมืองตามย่านธุรกิจสำคัญเสียมากกว่า

ทีมงานได้ทำการทดสอบเรียกรถมอเตอร์ไซค์จากทั้ง GrabBike และ UberMoto ช่วงเย็น ได้ข้อมูลดังนี้

  • พญาไท : GrabBike รถที่อยู่ใกล้ 3 คัน ระยะเวลาเรียก 4 นาที, UberMoto รถที่อยู่ใกล้ 1 คัน ระยะเวลาเรียก 7 นาที
  • สีลม : GrabBike รถที่อยู่ใกล้ 5 คัน ระยะเวลาเรียก 2 นาที, UberMoto รถที่อยู่ใกล้ 4 คัน ระยะเวลาเรียก 2 นาที
  • ศูนย์ประชุมศิริกิติย์ : GrabBike รถที่อยู่ใกล้ 7 คัน ระยะเวลาเรียก 1 นาที, UberMoto รถที่อยู่ใกล้ 1 คัน ระยะเวลาเรียก 3 นาที

grabbike-ubermoto-compare-4

ระบบติดตามผู้ใช้บริการ

ทั้ง GrabBike และ UberMoto ต่างก็มีระบบติดตามสถานะของการเรียกใช้บริการได้ เช่นเมื่อเราขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้ว สามารถแชร์เส้นทางการเดินทางไปให้เพื่อนๆ หรือพ่อแม่พี่น้องเราได้ เพื่อติดตาม Track ว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว

หลังจากทดสอบใช้ ทั้งสองแอพทำได้ดีเทียบเท่ากัน เพียงแต่ UberMoto ตัวแอพจะมีความลื่นไหลสวยงามกว่าเล็กน้อย รวมถึงแผนที่ในการติดตามดูดีกว่า

grabbike-ubermoto-compare-1

ระบบประกันอุบัติเหตุ และประกันสินค้า

เป็นที่รู้กันว่าการนั่งรถมอเตอร์ไซค์ก็จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุที่สูงกว่ารถยนต์มาก ไปไหนก็ต้องระวังกว่าเพราะเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งในหลายบริการมักจะมีระบบประกันอุบัติเหตุ หรือหากใช้ในการส่งของก็จะมีประกันสินค้าเสียหายด้วย ก็ช่วยให้อุ่นใจได้

ซึ่งถ้าดูในจุดนี้ GrabBike มีประกันอุบัติเหตุคนขับสูงสุด 300,000 บาท และผู้โดยสารสูงสุด 300,000 บาท รวมเป็น 600,000 บาทต่อกรณี ส่วน UberMoto จะมีประกันผู้โดยสารที่สูงสุด $9,500

ส่วนการประกันสินค้า GrabBike จะอยู่ที่ 2,000 บาทต่อกรณี ส่วน UberMoto ยังไม่มีประกันในส่วนนี้

grabbike-ubermoto-compare-cover

:: สรุป :: 

เมื่อเปรียบเทียบและทดสอบกันดูจริงๆ แล้ว ทั้ง GrabBike, UberMoto และการเรียกพี่วินตามปกติ มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยการเรียกพี่วินก็จะได้เปรียบด้านความรวดเร็ว ไม่ต้องเปิดแอพ เจอหน้ากันเรียกได้เลย แต่ก็มีข้อเสียเพราะวินไม่ได้มีทุกสถานที่ การติดตามหรือระบบต่างๆ ก็จะไม่มี

มาดูในส่วนของแอพเรียกใช้บริการมอเตอร์ไซค์ พบว่าทั้ง GrabBike และ UberMoto สามารถเรียกใช้บริการได้จริง แต่ในส่วนของ GrabBike ที่เปิดมานานกว่าก็จะได้เปรียบเรื่องจำนวนรถที่มากกว่า ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า รวมถึงการมีประกันสินค้าด้วย

ส่วน UberMoto จะมีเรื่องราคาต่อระยะทางที่ถูกกว่า แต่ก็จะมีการเพิ่มราคาตามระยะเวลาเดินทางด้วย ซึ่งเมื่อหารเฉลี่ยๆ แล้วก็ใกล้เคียงกัน ที่เหลือก็แล้วแต่ผู้บริโภคนั่นเองว่าจะเลือกค่ายไหนจ้า

grabbike-ubermoto-compare-11