รีวิว: Master & Dynamic MH40 หูฟังระดับพรีเมียม ดีไซน์สุดชิคไม่เหมือนใคร
Master & Dynamic ถือเป็นหูฟังที่มาแรงมากที่สุดตัวหนึ่งในปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเพราะ Master & Dynamic เป็นเพียงหนึ่งในสองแบรนด์ที่ได้วางขายใน Apple Store และติดอันดับหูฟังที่ขายดีสุดใน Apple Online Store USA อีกด้วย
ล่าสุดตอนนี้ Master & Dynamic ก็ได้เข้ามาเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทีมงาน MacThai ได้ทดสอบใช้งานกว่า 2 สัปดาห์ เรามาแกะกล่องหูฟังแนวใหม่นี้กันดีกว่า
แกะกล่อง Master & Dynamic รุ่น MH40
สำหรับหูฟังรุ่น MH40 นี้ถือเป็นรุ่นท็อปสุดของ Master & Dynamic เลย ซึ่งกล่องก็มีขนาดใหญ่และหนา ในแบบหูฟังรุ่นท็อป
เปิดออกมา ข้างในเป็นสีดำล้วน ตัวกล่องด้านในก็ใช้วัสดุหนาแน่นดี เปิดฝาออกมาจะเห็นหูฟังรุ่น MH40 สีดำ พร้อมดีไซน์ด้านในกล่องทุกอย่างก็เป็นสีดำหมด ดูฮิปมากทีเดียว
มาดูที่กล่องตรงกลางก่อน เป็นกล่องหนัง เปิดออกมาด้านในจะมีสายเสียบหูฟัง 2 แบบ คือแบบที่เป็นสายสีดำล้วนๆ กับแบบที่มีปุ่มบังคับปรับเสียงอยู่บนสายด้วย ซึ่งก็แปลกทีเดียวที่ให้มาถึง 2 สาย
เข้าใจว่าด้วยดีไซน์ของเครื่องที่เน้นความคลาสสิค ก็เลยทำสายที่ไม่มีปุ่มปรับเพิ่มลดเสียงเอาไว้ด้วย เอาใจกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่ไม่ชอบปุ่มบังคับ แถมยังให้เสียงที่ดีขึ้นนิดนึงอีกด้วยนะ
ด้านในของกล่อง จะมีผ้าใส่หูฟัง สำหรับใช้พกพา และคู่มือการใช้งาน ซึ่งแม้แต่จุดนี้ก็ยังทำสีดำเข้มเลยทีเดียว
สำหรับถุงใส่หูฟัง เป็นผ้ากำมะหยี่สีดำล้วน มีเพียงโลโก้ของ Master & Dynamic ที่เป็นสีขาว ที่เจ๋งคือด้านบนเป็นแถบแม่เหล็ก ใช้สำหรับดูดให้ถุงผ้าติดกัน คือไม่ได้ใช้ซิปรูดแบบยี่ห้ออื่นๆ
โดยรวมอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องมีเท่านี้ ประกอบไปด้วยหูฟัง, คู่มือ, สายเสียบ 2 เส้น, หัวต่อ, คู่มือ และถุงใส่หูฟัง
Master & Dynamic’s MH40 headphones sound as good as they look – Engadget
Master & Dynamic จุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์
อย่างที่บอกไปขั้นต้นว่า ดีไซน์และการออกแบบหูฟังทั้งหมดของ Master & Dynamic จะเป็นแนวคลาสสิคแต่คงความโมเดิร์นเอาไว้ แถวบ้านเราน่าจะเรียกว่า Hipster ได้ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ใส่แล้วสะดุดตาคนที่มองเห็นแน่นอน
ครั้งแรกที่ได้ถือหูฟังออกมาจากกล่อง ก็รู้สึกได้ว่า “หนัก” พอสมควร คือหนักกว่าหูฟังทั่วไป คงเพราะวัสดุหลายอย่างที่ใช้ ซึ่งถ้าใครชอบแบบเบาหวิวใส่แล้วไม่รู้สึกอะไร คงไม่ใช่แนวนี้
แต่ถ้าต้องการรุ่นที่เบากว่าและพับเก็บได้ แนะนำรุ่น MH30 ซึ่งจะพกพาสะดวกกว่า
ก้านหูฟังเป็นหนังแท้ นุ่มแต่ไม่มาก ซึ่งจับแล้วได้ความรู้สึกที่ดีทีเดียว เหมือนของดีได้ราคา
ก้านหูฟังด้านนอกหุ้มด้วยหนังวัวเกรดพรีเมี่ยม ด้านในหุ้มด้วยหนังแกะ ส่วนตัว Ear Pads ที่สัมผัสกับหูของเราก็หุ้มด้วยหนังแกะคุณภาพดี ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มนิ่ม ลองแนบหูแล้วรู้สึกดีทีเดียว
ตัวหูฟังสามารถปรับเอียงข้างได้ 90 องศา คือเอียงข้างให้แนบกับพื้นเพื่อเก็บได้สะดวกนั่นเอง แต่ไม่สามารถพับงอเข้าไปเก็บด้านในได้แบบสมัยนิยม
สำหรับรุ่น MH40 นี้ เป็นหูฟังแบบ Over-Ear คือไม่ใช่เสียบหู ไม่ใส่แนบหู แต่เป็นการครอบเข้าไปทั้งใบหูเลย ซึ่งในส่วนที่แนบหูเลยมีขนาดที่ใหญ่มาก และก็มีส่วนฟองน้ำนุ่มๆ ไว้รอบๆ อีกชั้นหนึ่ง
พระเอกเลยคือด้านข้าง ซึ่งทั้งรูปแบบและดีไซน์ต้องบอกเลยว่าเนี๊ยบมาก มีลักษณะเหมือนเครื่องเสียงรุ่นยุค 80 แต่ก็มีการวางลายเส้นตรงกลางเป็นเส้นๆ ถักไปมา วัสดุเป็นอะลูมิเนียม เหมือนที่ใช้บน MacBook แถมก้านด้านบนยังออกแบบเป็นลวดหนามนิดๆ อีกด้วย
ส่วนตัวด้านเหล็กที่เห็นด้านข้างและชิ้นส่วนในอีกหลายจุดก็ทำมาจาก Stainless Steel ทำให้แข็งแรงสวยงาม
ด้านข้างของหูฟังฝั่งขวา จะมีปุ่มสีแดงๆ เอาไว้ปิดเสียง อันนี้ไม่ได้มีผลกับเพลงที่เล่นอยู่นะ คือกดแล้วเพลงในเครื่องก็ยังคงเล่นต่อไป แต่ตัวหูฟังจะหยุดเสียงเพลงที่ออกมา เข้าใจว่ากรณีที่เราใช้สายแบบที่ไม่มีรีโมท ก็ใช้ปุ่มนี้ปิดเสียงได้นั่นเอง
สามารถปรับระดับความยาวของหูฟังได้พอสมควร ซึ่งก็มีการใส่ลูกเล่นเป็นตัวเลขปรับระดับ 0 – 4 เอาไว้ด้วย ซึ่งเวลาใช้จริงก็ไม่ได้ปรับให้ได้ตัวเลขเป๊ะขนาดนั้น แต่มีไว้ก็ดูสวยเก๋ดี
มุมด้านใน จะมีตัวอักษรบอกว่าเป็นหูฟังข้างขวา หรือข้างซ้าย ซึ่งจากที่ลองดูถ้าเราสลับฟังผิดด้าน จะรู้สึกได้ทันที เพราะรูปร่างของใบหูจะวางผิดมุมอีกด้วย
ด้านล่างมีรูสำหรับเสียบกับสายเชื่อมต่อหูฟัง ซึ่งมีทั้ง 2 ด้าน สามารถเสียบด้านไหนก็ได้ ซึ่งเทียบกับหูฟังทั่วไปที่มีรูเสียบแค่ทางซ้ายรูเดียวอาจจะทำให้ผู้ใช้ไม่สะดวกเวลาใช้งาน ที่สำคัญช่องหูฟังที่ว่างอยู่อีกด้าน เราสามารถเอาสายมาเสียบกับหูฟังเพิ่มอีกตัวได้ด้วยนะ คือฟังเพลงไปพร้อมๆ กันเลย~*
เมื่อลองนำไปวางคู่กับสินค้าอย่าง iPhone 6 และ Apple Watch สายเหล็ก ก็ดูเนียนเข้ากันได้โอเคดี คือการดีไซน์ที่ทางแบรนด์เค้าตั้งใจออกแบบให้อยู่ได้นาน (“design for a decade of use”) ไม่ได้ทันสมัยจนเกินไป ออกแนว Elegant มากกว่า
หูฟังรุ่น MH40 มีด้วยกันทั้งหมด 5 สี ซึ่งถ้าดูจากดีไซน์แล้ว แต่ละสีก็ทำให้ลุคของเครื่องและผู้สวมใส่ดูต่างกันออกไปเลย
MH40 looked great in photos, and once I held them in my hand, I was blown away by the looks.The headphones mix premium leather with anodized aluminum, always a winning combination – 9to5mac
ทดลองฟังเสียงและใช้งานจริง
ทีมงานได้ทดสอบหูฟัง Master & Dynamic รุ่น MH40 มานานหลายสัปดาห์ ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า คุณภาพเสียงที่ได้นั้นก็ดูดีไม่แพ้ดีไซน์เลยทีเดียว เนื่องจากเป็นหูฟังแบบ Over-Ear ทำให้เรารู้สึกได้ใกล้ชิดกับเสียงที่ออกมามากกว่าปกติ เสียงดนตรีและนักร้องดูใกล้จนเหมือนมากระซิบข้างหู
เวลาใส่หูฟังแล้วนุ่มนิ่มสบายดี ไม่บีบหัวเท่าที่คิด การปรับระดับก็ทำได้ง่าย จะมีก็เรื่องน้ำหนักที่เยอะกว่าหูฟังสมัยใหม่ๆ ที่เน้นเบาหวิวซะหน่อย
ตัวสายที่มีปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง ออกแบบมาได้กลืนกับเครื่องดี และมีไมค์ในตัว สามารถใช้เป็น Handfree ได้ เท่าที่ทดสอบก็เสียงพูดคุยชัดเจนดี
สายเป็นแบบ oxygen-free copper เพื่อให้ได้เสียงที่เป็นธรรมชาติและก็ลดเสียงรบกวนด้วย
จุดเด่นของเสียงคงอยู่ที่ความชัดและเป็นธรรมชาติ คือไม่เน้นเบสหนักๆ แบบหูฟัง Beats หรือเสียงแหลมคมๆ เหมือนหูฟังฝั่งยุโรป ซึ่งถ้าคุณชอบฟังเพลงแนว Pop, Rock, Dance, R&B น่าจะหูฟังตัวนี้
เสียงที่ดังที่สุดคือระดับ 98 เดซิเบล ซึ่งก็กำลังดี เพราะคงไม่ค่อยมีใครฟังเพลงดังเกิน 100 เดซิเบลกันซักเท่าไหร่ ตัว 45mm neodymium drivers ก็ทำเสียงเบสได้ค่อนข้างลึกและไม่แตก
ด้วยความที่เน้นเสียงเป็นธรรมชาติมาก ถ้าใครชอบฟังเพลงแนว Classic ก็น่าจะชอบในความเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าใครชอบแนวเบสหนักๆ อาจจะไม่ใช่แนวทางเท่าไหร่
เมื่อทดสอบใส่ดูหนังและเล่นเกม ก็พบว่าเสียงดีเลยทีเดียวแหล่ะ อาจจะเพราะความเห็น Over-Ear ทำให้เสียงยิงตู้มต้ามมันมาประชิดหูมาก รวมถึงเราจะไม่ได้ยินเสียงภายนอกเท่าไหร่ เวลาดูหนังเลยรู้สึกมีสมาธิเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย
The Master and Dynamic MH40 headphones are constructed out of premium materials and have excellent build quality along with excellent sound – CNET
เนื่องจากทีมงานเราไม่ได้หูเทพมากนัก แต่เมื่อดูรีวิวจากหลายสำนักทั้ง Wired, SuperCompressor, Sound & Vision ก็ให้ความเห็นชื่นชมด้านคุณภาพเสียงที่ออกมา รวมถึงบน Apple Online Store ที่อเมริกาก็ได้คะแนน 5 ดาวเลยทีเดียว
ข้อมูลหูฟัง Master & Dynamic รุ่น MH40
- หูฟังแบบ Over-Ear
- สีให้เลือก 5 สี
- วัสดุที่ใช้เป็นอะลูมิเนียมเกรดดีและ Stainless Steel
- ขนาดความยาวของสาย 1.5 เมตร
- Drivers : Neodymium
- Impedance: 32 Ohms
- ราคาขาย 14,500 บาท
สถานที่จำหน่าย
- โชว์รูม Meridian : ชั้น 2 สยามพารากอน, ชั้น 3 ตึก Helix ศูนย์การค้า EmQuartier
- ร้าน W Private Theater ชั้น 4 เซ็นทรัล Embassy
- ร้าน Munkong Gadget ชั้น 2 สยามพารากอน
- Central Online -> Website
:: สรุป ::
ข้อดี
- ดีไซน์สวยเนี๊ยบ ดูเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
- วัสดุที่ใช้คุณภาพดีมากๆ เป็นหูฟังระดับพรีเมียม
- เสียงที่ได้มีความเป็นธรรมชาติดี
ข้อเสีย
- ราคาอยู่ในกลุ่มหูฟังระดับพรีเมียม
- ตัวหูฟังหนักพอสมควร และไม่สามารถพับเก็บได้
หลังจากที่ได้ทดลองใช้หูฟัง Master & Dynamic รุ่น MH40 ตัวจริงมาหลายสัปดาห์ เราพบว่าคุณภาพของเสียงดีสมกับเป็นหูฟังระดับรุ่นท็อป โดยการฟังเพลง, ดูหนัง, เล่นเกม ได้ความเพลิดเพลินเพิ่มมากเลยทีเดียว รวมถึงความเป็น Over-Ear คุณจะได้เสียงในอีกมุมที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่ที่เด่นกว่าคุณภาพเสียงคือดีไซน์ ซึ่งน่าจะเป็นจุดต่างที่สุดของหูฟังรุ่นนี้กับยี่ห้ออื่นๆ คือใส่ออกไปเดินนอกบ้าน หรือใส่ที่ออฟฟิศ ก็จะมีคนทักพอสมควรว่านี่คือหูฟังอะไร แม้จะดูเตะตาแต่ก็กลืนไปกับเสื้อผ้าและสินค้าไอทียุคใหม่
ข้อเสียคงเป็นเรื่องของตัวเครื่องที่หนักพอสมควรและไม่สามารถพับเก็บได้ ส่วนเรื่องราคานั้นก็อยู่ระดับหูฟังพรีเมียมราคาสูสีไม่ต่างจากคู่แข่งมากนัก อย่างไรก็ดีด้วยคุณภาพของวัสดุที่ใช้ การดีไซน์หูฟังก็ถือว่ากินขาดไม่แพ้ใครแน่นอน และคุณภาพเสียงที่ได้ Master & Dynamic MH40 ก็เป็นหูฟังที่น่าสนใจ และน่าจะเข้ามาตีตลาดในเมืองไทยได้ดีทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม
- Master & Dynamic : Website
Tweet