เรื่องควรรู้: ชาร์จแบต iPhone, iPad, MacBook กี่ครั้ง แบตถึงจะเสื่อม ?

ios-battery-1

หลายคนอาจจะเคยอ่านวิธีการชาร์จแบตเตอรี่บน iPhone, iPad, iPod, MacBook ตามเว็บบอร์ด หรือตามคำบอกเล่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีหรือความเชื่อแปลกๆ มากมายเกี่ยวกับการชาร์จแบตของแอปเปิล ซึ่งก็มีทั้งจริงและไม่จริง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเชื่อใคร

ซึ่งในที่สุดเพื่อลดข่าวลือมากมายบนอินเทอร์เน็ต แอปเปิลก็ได้เปิดหน้าเว็บเพื่ออธิบายการชาร์จแบตอย่างละเอียด ซึ่งข้อมูลที่มาจากผู้ผลิตย่อมน่าเชื่อถือและนำไปอ้างอิงได้อย่างถูกต้องกว่าแน่นอน 🙂

เรามาทำความเข้าใจกับเรื่องแบตเตอรี่ของสินค้าแอปเปิลกันดีกว่าครับ

apple-battery-lithium-ion-charge

แอปเปิลใช้แบตเตอรี่แบบ Lithium

เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบ Lithium นั้น มีความพิเศษคือเบา, ให้ประสิทธิภาพสูงและที่สำคัญคือชาร์จได้บ่อยครั้งโดยไม่ต้องใช้ให้หมดแล้วชาร์จทิ้งไว้นานๆ แบบแบตเตอรี่สมัยก่อน

apple-battery

สำหรับการชาร์จนั้น ในช่วง 2 ชั่วโมงแรกจะชาร์จเต็มที่ จนแบตขึ้นมาถึง 80% จากนั้นจะทำการค่อยๆ ลดความแรงในการชาร์จลงเรื่อยๆ เพื่อถนอมแบต ที่เรารู้สึกว่าเครื่องร้อนช่วงแรกๆ ของการชาร์จ แต่จะเย็นลงช่วงหลัง 80% ไป เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง

apple-battery-cycle

ชาร์จไปกี่ครั้งแบตถึงจะเสื่อม

แบตเตอรี่เมื่อใช้ไปนานๆ ย่อมมีการเสื่อมสภาพลงตามเวลา โดยแอปเปิลใช้วิธีการนับ Cycle ของการชาร์จ ซึ่งจากข้อมูลในเว็บแอปเปิลแจ้งไว้ว่า iPod สามารถชาร์จได้ถึง 400 Cycle ก่อนประสิทธิภาพของแบตจะลดลงเหลือ 80%, iPhone สามารถชาร์จได้ถึง 500 Cycle ก่อนประสิทธิภาพของแบตจะลดลงเหลือ 80% ส่วน iPad, MacBook สามารถชาร์จได้ถึง 1,000 Cycle ก่อนจะลดประสิทธิภาพลงเหลือ 80%

แล้ว 1 Cycle นับยังไง ?

วิธีการนับ Cycle ของแอปเปิลคือ “นับตามจำนวนใช้จริงโดย 1 Cycle เท่ากับ 100%” เช่น ถ้าวันนี้เราใช้แบตไป 50% แล้วก็ชาร์จจนเแบตเต็ม พรุ่งนี้ใช้อีก 50% แล้วชาร์จจนเต็ม จะนับรวมเป็น 1 Cycle ไม่ใช่ 2 Cycle

เพราะฉะนั้นการชาร์จแบตคือสามารถชาร์จ “เมื่อไหร่ก็ได้” ไม่ต้องรอให้แบตหมด

เมื่อนับด้วยวิธีนี้ จำนวน 400-500 Cycle ของ iPhone, iPod จะใช้ได้ยาวนานประมาณ 1.5-2 ปี ส่วน iPad, MacBook จะใช้ได้ยาวนานถึง 3 ปี ก่อนที่แบตจะลดประสิทธิภาพลง

apple-battery-temp

อุณหภูมิที่เหมาะสม

แบตเตอรี่ก็เหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป ที่จะอยู่ได้นานถ้าใช้ในที่อุณหภูมิเหมาะสม โดยแอปเปิลแนะนำว่าควรนำอุปกรณ์ไว้ในสถานที่อุณหภูมิระหว่าง 0-35 °C (สำหรับ iPhone, iPod, iPad) และ 10-35 °C (สำหรับ MacBook) จะให้ดีที่สุดคืออยู่ที่อุณหภูมิ 22 °C (ในห้องแอร์)

ข้อแนะนำอีกอย่างคือถ้าเราใส่เคสที่หนามากๆ เช่นเคสกันกระแทกทั้งหลาย เวลาชาร์จจะทำให้เครื่องร้อนผิดปกติ และแบตจะเสื่อมได้ แนะนำให้ถอดเคสออกแล้วค่อยชาร์จ

ถ้าจะเก็บเครื่องไว้นานๆ โดยไม่ใช้

Apple แนะนำว่า หากต้องการเก็บเครื่องไว้นานๆ โดยไม่ใช้เลย ให้ชาร์จแบตเตอรี่ไว้ที่ครึ่งหนึ่งของความจุ ไม่ควรชาร์จให้เต็มหรือปล่อยแบตเตอรี่เหลือ 0% และก่อนเก็บให้ปิดเครื่อง วางไว้ในที่ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 °C หากต้องการเก็บเครื่องโดยไม่ใช้เลยนานกว่า 6 เดือน ให้นำออกมาชาร์จแบตครึ่งหนึ่งของความจุทุกๆ 6 เดือน

ถ้าแบตเตอรี่เสื่อมต้องทำยังไง ?

ศูนย์บริการต่างๆ จะมีเครื่องที่คอยตรวจสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ใน iPhone, iPad, iPod, MacBook อยู่แล้ว โดยถ้าเรารู้สึกว่าแบตเตอรี่ของเครื่องหมดเร็วผิดปกติ สามารถนำเครื่องไปที่ศูนย์บริการได้

ถ้าทางศูนย์พบว่าแบตเสื่อมจริง ก็ต้องดูว่าเครื่องเราอยู่ในประกันหรือไม่ ซึ่งประกันโดยปกติจะอยู่ที่ 1 ปี หากพบว่าแบตเสื่อมจริงสามารถเคลมเพื่อขอเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ได้ แต่หากเลยระยะประกันไปแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตหรือเครื่องใหม่

Apple - Batteries

สรุป

  • แอปเปิลนับ 1 Cycle ตามจำนวนใช้จริง
  • 400 Cycle คือค่ามาตรฐานของ iPod
  • 500 Cycle คือค่ามาตรฐานของ iPhone
  • 1,000 Cycle คือค่ามาตรฐานของ iPad, MacBook
  • ถ้าใช้เกิน 400 Cycle แล้วประสิทธิภาพแบตจะลดลงเหลือ 80% ถ้าใช้ไปต่ออีก 800 Cycle จะลดลงเหลือ 64%
  • วิธีการนับ 1 Cycle นับตามการใช้งานจริง วันนี้ใช้ 50% ชาร์จเต็ม พรุ่งนี้ใช้ 50% ชาร์จเต็ม คิดเป็น 1 Cycle ไม่ใช่ 2 Cycle
  • เพราะฉะนั้นชาร์จเมื่อไหร่ก็ชาร์จไปเถอะ
  • ซื้อเครื่องมาครั้งแรก ไม่จำเป็นต้องชาร์จ 8-10 ชั่วโมงแบบมือถือสมัยก่อน
  • อย่าเอาเครื่องไปไว้ในที่ร้อน เช่นตากแดดไว้ในรถ และอย่าลืมเครื่องไว้ในที่เย็นเกินไป
  • เคสประเภทอย่างหนาตราช้าง ทำให้เครื่องร้อนได้ เวลาชาร์จควรถอดเคสออกก่อน
  • ควรใช้งานเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ Electron ในแบตได้วิ่ง จะทำให้แบตมีอายุยืนยาว
  • ควรเชื่อเอกสารอ้างอิงจากแอปเปิลผู้ผลิต มากกว่าความเชื่อที่บอกต่อๆ กันมาครับ 🙂

ที่มา – Apple : แบตเตอรี่