เปิดตัวไปแล้วกับ iPad Pro ในเมืองไทย ซึ่งนอกจากจะเป็น iPad รุ่นที่หน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว ยังมาพร้อมกับความเร็วแรง และอุปกรณ์เสริมที่ไม่เหมือนรุ่นก่อน รวมถึงราคาที่แรงไม่ใช่ย่อย
วันนี้ทีมงาน MacThai ได้โอกาสเข้าไปทดสอบและพรีวิวการใช้งาน iPad Pro ว่าสุดท้ายแล้ว จะใหญ่จริง แรงจริง และคุ้มราคากับที่แอปเปิลบอกไว้หรือไม่ ตามไปชมกัน
iPad Pro กับฮาร์ดแวร์ที่แรงสุดยอด และทำได้ดีกว่าที่คิด
แรกสัมผัสของ iPad Pro เชื่อว่าหลายคนจะต้องร้องเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “มันใหญ่มาก” เพราะหน้าจอขนาด 12.9 นิ้วนั้น ถือว่าใหญ่กว่า iPad รุ่นก่อนๆ ที่จอแค่ 9.7 นิ้ว แถมยังใหญ่กว่า MacBook Air รุ่นเล็กที่จอ 11.6 นิ้วเสียอีก
เรื่องน้ำหนักถือว่าแอปเปิลทำได้ดีงาม เพราะ iPad Pro แม้จะมีขนาดที่ใหญ่มาก แต่น้ำหนักกลับเบากว่าที่คิด รุ่น Wifi อยู่ที่ 713 กรัมเท่านั้น (รุ่น Cellular หนัก 723 กรัม) ถ้าเทียบกับขนาดแล้วก็ต้องบอกว่า “เบากว่าที่คิด”
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะเบาหวิวถือเล่นสบาย เพราะจากการทดสอบถือ 2 มือนานๆ ก็มีอาการเมื่อยได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าถือมือเดียวน่าจะได้ไม่เกินสองนาทีได้กล้ามแขนแน่นอน
เปิดตัวเครื่องออกมา หน้าจอของ iPad Pro ถือเป็นจอ Retina ที่คมชัดเช่นเดียวกับจอบน iPad Air หรือ iPhone เพียงแต่พอมาเป็นจอใหญ่มากๆ เราเลยรู้สึกได้ว่ามันชัดกว่าปกติ
เวลากดดูภาพหรือวิดีโอ ได้ความรู้สึกใหม่ๆ ที่มันใหญ่มาก และจอก็แสดงผลได้สวยงามมาก แม้บางครั้งการกดดูวิดีโอบน iPad Pro จะรู้สึกว่ามันใหญ่ไปหน่อยก็เถอะ
ลำโพงบน iPad Pro ถือเป็นชุดลำโพงใหม่ และมีทั้งหมด 4 มุมด้วยกัน แอปเปิลคุยไว้ว่ามีระบบปรับเสียงหนักเบาทั้ง 4 มุมแบบ Realtime คือถ้าเราหมุนคว่ำหรือดูแนวตั้ง แนวนอน ความดังของแต่ละมุมจะถูกปรับโดยอัตโนมัติ
ซึ่งจากที่ได้ลองใช้ ก็บอกตามตรงเลยว่า “ไม่รู้สึกว่าลำโพงแต่ละตัวมันต่างกันเลย” (ฮาาาา)
แต่สิ่งที่เจ๋งสุดเลยคือเสียงที่ได้จากลำโพงชุดนี้ ถือว่าดังและเสียงดีมากๆ เล่นเกมส์แล้วกระหึ่มสะใจมาก เปิดเสียงดังสุดได้ยินทั่วร้าน iStudio เลย ถือว่าเป็นลำโพงที่ดีสุดของแอปเปิลที่ทีมงานเคยทำสอบมา คือดีกว่าเสียงที่ได้จาก iPhone, iPad, MacBook หรือ iMac ซะอีก
สุดท้ายตัวชิป A9X บน iPad Pro พร้อมแรมที่จัดมาให้ 4 GB ก็ถือว่าแรงจริงอย่างที่แอปเปิลคุยไว้ คือถ้าใครใช้แอพบน iPad Air 2 อาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นจะมีแอพไหนที่ทำงานช้าเลย แต่ถ้าลองมาเล่นบน iPad Pro จะรู้สึกได้เลยว่า มันเร็วขึ้นไปอีกระดับนึง
เกมโหลดเร็ว เว็บเลื่อนไปมาได้ลื่นไหล การกดสลับแอพขึ้นมาได้ทันทีไม่ต้องรอโหลด ยิ่งถ้าใช้แอพโหดๆ อย่าง Auto CAD บน iPad Pro จะแสดงผลได้เร็วเหมือนกับใช้บน MacBook Pro เลย
ซึ่งผลการ Benchmark ที่ออกมา iPad Pro มีความเร็วที่สูงกว่า MacBook Air ส่วนของกราฟฟิคแรงกว่า MacBook Pro ก็น่าจะเป็นตัวพิสูจน์ความแรงได้เป็นอย่างดี
ส่วนอื่นๆ ที่ให้มาก็แทบไม่แตกต่างจากเดิม คือมี Touch ID (รุ่นเดียวกับ iPad Air 2) รวมถึงสีของเครื่องก็ให้มา 3 แบบ คือสีทอง สีเงิน และสีเทา ซึ่งโดยรวมแล้วฮาร์ดแวร์ทำได้ดีน่าประทับใจมาก “ใหญ่ สวย แรง เบา บาง”
ขอบคุณ iStudio by SPVi ที่เอื้อเพื้ออุปกรณ์และสถานที่ คิดจะซื้อ iPad Pro ตรงไปที่ iStudio by SPVi ได้เลย
จุดอ่อน iPad Pro อยู่ที่ซอฟต์แวร์
พูดถึงข้อดีด้านฮาร์ดแวร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า จุดด้อยที่สุดของ iPad Pro กลับไปอยู่ที่ฝั่งซอฟต์แวร์ นั่นก็คือ iOS 9 นั่นเอง
หลายคนอาจจะบอกว่า iOS 9 ก็เป็นระบบที่ลื่นไหล ใช้งานได้สะดวก แถมมีแอพให้เลือกเยอะมากมายอยู่แล้ว จะมีข้อเสียอะไร ? แต่นั่นคือการใช้งานบน iPad Air หรือ iPad mini ที่เราคาดหวังกับการเป็นแท็บเล็ต
แต่กับ iPad Pro ที่หลายคนคาดหวังไปถึงการใช้งานที่จะมาทดแทนโน้ตบุ้คอย่าง MacBook หรือแม้แต่ PC ได้นั้น ต้องบอกเลยว่ายังห่างไกลพอสมควร
จริงอยู่ที่ระบบ Multi-Tasking ที่ใช้งานได้ 2 แอพพร้อมกันในจอเดียว รวมถึงการใช้งานแอพต่างๆ จะทำงานได้ดี แต่มันก็ยังดีไม่พอสำหรับการใช้งานประจำวัน ทีมงานทดลองพิมพ์งานบน Pages, Word หรือใช้ทำสไลด์บน Keynote, PowerPoint ก็ยังรู้สึกติดขัดหลายอย่าง เพราะเป็นระบบ Touch Base
อีกเรื่องที่น่าผิดหวังคือการที่ iPad Pro ใช้ระบบ iOS 9 แบบที่ไม่ต่างอะไรเลยกับ iPad Air 2 หรือ iPad mini เพราะถ้าใครที่เคยใช้รุ่นเล็กมาก่อน พอมาเปิดใช้บน iPad Pro เราไม่ได้ความรู้สึกแปลกใหม่อะไรเลย กลับคิดในใจ “แล้วไงต่อหว่า”
ซึ่งต่างจากเมื่อครั้งแอปเปิลเปิดตัว iPad ครั้งแรก ตอนนั้นหลายคนที่เคยใช้ iPhone มาแล้วพอมาจับ iPad ก็ยังได้ความรู้สึกที่แตกต่าง ทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ แอพต่างๆ ที่ออกแบบมาสำหรับ iPad นั้นดูต่างจาก iPhone อย่างชัดเจน
เพราะงั้นถ้าใครหวังจะใช้ iPad Pro เพื่อทำงานเอกสาร, งานแต่งภาพ หรืองานประจำที่ทำอยู่ อาจจะต้องขอแนะนำให้มาทดลองใช้งานจริงจังนานหน่อย ว่าคุณคุ้นเคยและยอมรับจากการใช้งานแบบนี้ได้จริงหรือไม่
Apple Pencil แม่นยำ สวยงาม น่าใช้ และแพง
ไฮไลท์ที่อาจจะเด็ดกว่าจอภาพที่ใหญ่โตของ iPad Pro คืออุปกรณ์เสริมที่เชื่อว่า ทุกคนที่ซื้อ iPad Pro ต้องซื้อไปด้วย นั่นคือ Apple Pencil
โดยหลักการแล้ว Apple Pencil มันก็คือ Stylus ดีๆ นี่เอง แต่ถ้าดูในรายละเอียด จะพบว่าแอปเปิลใช้เทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาร่วม จนทำให้ Apple Pencil มาความแม่นยำ ตอบสนองได้ดีมากๆ พร้อมดีไซน์ที่สวยงาม จับถนัดมือ
แต่นั่นก็ตามมาด้วยข้อจำกัดที่ต้องใช้แบตในตัวเอง ซึ่งใช้งานได้เพียง 12 ชั่วโมง ก็ต้องถอดมาเสียบชาร์จใหม่
ทีมงานพบว่า Apple Pencil ใช้เขียนได้เป็นธรรมชาติ และเม่นยำเอามากๆ น่าจะดีกว่าปากกาของ Galaxy Note หรือ Microsoft Surface เสียอีก แต่ก็เทียบกันยากเพราะแอปเปิลขายอุปกรณ์ตัวนี้แยกต่างหาก
ข้อเสียสุดของ Apple Pencil คือไม่มีที่เก็บ ไม่มีตัวยึดแบบแม่เหล็ก ทำให้มีโอกาสหล่นหายได้
:: สรุป ::
โดยสรุปแล้ว iPad Pro ถือเป็นแท็บเล็ตขนาดจอใหญ่ (มาก) ตัวแรกของแอปเปิล ที่มีฮาร์ดแวร์ระดับท็อป บางเบา จอภาพคมชัดสวยงาม ลำโพงที่กระหึ่ม แบตที่อึด และมีความแรงเทียบเท่ากับ MacBook เลยทีเดียว
ข้อเสียก็คงอยู่ที่ฝั่งซอฟต์แวร์ เพราะแนวคิดของ iOS นั้นน่าจะยังไปไม่ถึงในการใช้ทำงานประจำ หรืองานเอกสารอื่นๆ ได้เท่ากับโน้ตบุ้คหรือพีซี รวมถึงราคาที่สูง รุ่นเล็กสุด 30,900 บาท ก็ทำให้น่าคิดว่า เพิ่มอีกไม่เท่าไหร่ได้ MacBook ไม่ดีกว่าเหรอ
อย่างไรก็ดี อุปกรณ์เสริมอย่าง Apple Pencil ก็ออกมาได้น่าประทับใจ รวมถึงถ้านับว่านี่เป็นก้าวแรกของแอปเปิลในการทำแท็บเล็ตที่พร้อมใช้งานระดับมืออาชีพได้จริงๆ ก็ถือว่า iPad Pro สอบผ่านในหลายด้านเลยทีเดียว
หมายเหตุ: ยังไม่ได้มีการทดสอบคีย์บอร์ด เพราะทาง iStudio ยังไม่ได้มีการนำเข้ามา