บทความพิเศษ: ก้าวต่อไปของแอปเปิลในยุคหลัง iPhone, iPad
ผ่านไปแล้วกว่า 1 เดือนสำหรับงาน WWDC 2014 ซึ่งแอปเปิลก็ได้ทำการเปิดตัว iOS 8 และ OS X Yosemite ที่ถึงแม้จะไม่มีฮาร์ดแวร์อะไรใหม่ให้เห็น แต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้หลายคน โดยเฉพาะกลุ่มนักพัฒนาโปรแกรม
นักวิเคราะห์จากสื่อหลายแห่งในต่างประเทศต่างเห็นตรงกันว่า นี่คือปีที่แอปเปิลน่าจับตามองมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แอปเปิลกำลังจะมาถึงยุคใหม่ ยุคหลัง “สตีฟ จ็อบส์” อย่างถาวรแล้วหรือเปล่า ทีมงาน MacThai ขอรวบรวมหลากหลายแง่มุมให้ติดตามกันครับ
“เรากำลังจะมีสินค้าที่ดีเยี่ยมที่สุดในรอบ 25 ปี ในปี 2014 นี้” – Eddy Cue
แอปเปิลเข้าสู่ยุคใหม่ หลัง iPhone, iPad
ถึงแม้แอปเปิลจะเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมานาน แต่ถ้าแบ่งตามช่วงเวลาแล้วจะมี 3 ยุคด้วยกัน คือยุค Macintosh (1984), iPod (2001) และ iPhone (2007) ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่านวัตกรรมของแอปเปิลยังคงอยู่ที่ iPhone และ iPad เป็นหลัก
แต่สัญญาณทุกอย่างเริ่มเห็นได้ชัดว่าในปีนี้ (2014) แอปเปิลเตรียมที่จะเปิดตลาดตัวเองเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัวแล้ว
- Tim Cook ให้สัมภาษณ์ว่าปีนี้กำลังจะมีสินค้าใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน และใกล้จะได้เวลาของมันแล้ว
- Eddy Cue ผู้บริหาร Apple กล่าวว่า “เราจะมีสินค้าที่ดีเยี่ยมที่สุดในรอบ 25 ปี ในปี 2014 นี้”
- แอปเปิลกวาดผู้บริหารแบรนด์ชั้นนำเข้ามาในบริษัท : ผู้บริหาร TAG Heuer, Yves Saint Laurent, Burberry
แน่นอนทุกสายตาขับไปที่โปรเจ็ค iWatch นาฬิกาอัจฉริยะ ที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมนี้ เพียงแต่ภาพนั้นยังต่อจิ๊กซอว์ได้ไม่ชัดเจนว่า แอปเปิลขายนาฬิกาแล้วไงต่อ ? มันจะเปลี่ยนโลกได้ขนาด Mac, iPod, iPhone เลยเหรอ ?
“This is something, only Apple can do” – Tim Cook
iOS + OS X กับการปรับผังผู้บริหารภายในองค์กร
แอปเปิลในยุคสตีฟ จ็อบส์ มีการแยกการดูแล iOS, OS X และทีมฮาร์ดแวร์ดีไซน์ออกจากกัน เน้นระบบ UI ที่เสมือนของจริง (ยังจำปฏิทินในแอพ Calendar ได้รึเปล่า) แต่เมื่อจ็อบส์จากไป ก็เริ่มมีกระแสความขัดแย้งภายในองค์กรมากขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดคือการไล่ Scott Forstall ผู้ดูแล iOS ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นออกไป รวมทั้งการที่ผู้บริหารเก่งๆ หลายคนเริ่มออกจากบริษัทหรือ Retire ไป จน Tim Cook เองต้องปรับภายในองค์กรใหม่พอสมควร
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการมาของ iOS + OS X ก็ทำให้ภาพอนาคตของแอปเปิลเริ่มชัดเจนมากขึ้น
- Jony Ive บอก iOS 7 คือการปรับโฉมในทุกพิกเซลของหน้าจอ แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการที่เขาลงมาดู Design ของทั้ง iOS, OS X และฮาร์ดแวร์ทั้งหมด
- Craig Federighi บอก iOS 8 และ OS X Yosemite มีการทำงานที่ประสานกันได้แนบสนิทมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ Continuity แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการที่เขามาดูแลฝั่งซอฟต์แวร์ของ iOS และ OS X ทั้งหมด
- ในช่วงต้นปีทั้ง Jony Ive และ Craig Federighi ให้สัมภาษณ์ร่วมกันในนิตยสาร Business Week
- Tim Cook บอกสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับแอปเปิลในตอนนี้คือการทำงานร่วมกันของทีมดีไซน์ (Jony Ive) และทีมซอฟต์แวร์ (Craig Federighi) ซึ่งช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าแนวทางนี้เวิร์คจริง
- การแยกทีมงานตามหน้าที่ แทนที่จะแยกตามอุปกรณ์ ทำให้แอปเปิลขยายงานไปในอุปกรณ์อื่นๆ ได้ง่ายขึ้น และผู้ใช้ก็ได้ประสบการณ์แบบเดียวกันในทุกอุปกรณ์
9 ใน 10 ของผู้ใช้ iOS ตอนนี้ ใช้ระบบรุ่นล่าสุดอยู่ – Tim Cook
iOS 8 ระบบปิดที่เปิดกว้างมากขึ้น
ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่านวัตกรรมบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเริ่มถึงจุดอิ่มตัว ไม่ว่าจะฝั่ง iOS, Android, Windows ต่างก็ไม่มีอะไรใหม่หรือสร้างความแตกต่างกันมากนัก
ถามว่าแล้วแอปเปิลยังมีอะไรที่เป็นข้อได้เปรียบคู่แข่งบ้าง ?
ถ้าใครได้ดู Keynote ในช่วงหลายปีหลัง สิ่งที่ Tim Cook และทีมงานแอปเปิลพยายามบอกอยู่ตลอดคือการที่แอปเปิลสามารถผลักดันให้ผู้ใช้อัพเดทซอฟต์แวร์ไปเวอร์ชันล่าสุดได้อย่างรวดเร็ว
- Tim Cook บอกภายในเวลาแค่ 1 ปี ผู้ใช้ iOS กว่า 9 ใน 10 คนอัพเดทไปใช้ iOS 7 กันหมดแล้ว
- ตรงข้ามกับ Android ที่มีผู้ใช้ Kitkat เพียง 1 ใน 10 คน
- รวมถึง OS X Mavericks ที่แอปเปิลตัดสินใจแจกฟรี ก็มีผู้ใช้มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้แมคทั้งหมด
- ตรงข้ามกับ Windows ที่มีผู้ใช้ Windows 8 เพียง 14%
เมื่อแอปเปิลขยับ ทุกคนพร้อมขยับตาม
นั่นคือเหตุผลของการ “เปิด” ระบบ iOS อย่างเต็มตัวมากขึ้น และนี่คือ API ที่แอปเปิลเปิดตัวใหม่ใน iOS 8
- Widget, Extension (บน Android มีมาก่อนแล้ว)
- Homekit สำหรับอุปกรณ์ภายในบ้าน
- Healthkit สำหรับข้อมูลสุขภาพ
- Touch ID API สำหรับการ login เข้าแอพต่างๆ
- Metal สำหรับเกมส์
- Swift ภาษาเขียนโปรแกรมบน iOS, OS X ตัวใหม่
“เมื่อแอปเปิลขยับ ทุกคนพร้อมขยับตาม” คือมุมมองที่นักพัฒนามีต่อแอปเปิล เมื่อ iOS 7 บอกให้ทุกแอพใช้ UI แบบเรียบแบน ไม่ถึง 2 เดือนหลังจากนั้นแทบทุกแอพอัพเดทตัวเองเป็น UI แบบเรียบแบนหมด หรือการมาของ CarPlay ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่ค่ายรถยนต์พร้อมขยับตามทันทีที่แอปเปิลเปิดตัว
ซึ่งนั่นคือปัญหาที่เกิดกับฝั่ง Android แม้กูเกิลจะออก API ใหม่ๆ มาให้พร้อมใช้ แต่ถ้ามองไปในอีก 1 ปีข้างหน้ามีคนใช้ Android L แค่ 10% หรือ Windows 9 (ชื่อสมมุติ) แค่ 14% ก็เป็นเรื่องยากที่นักพัฒนาจะใส่ความสามารถใหม่ๆ นี้ลงไปในแอพของตัวเอง
ถ้าแอปเปิลยังรักษาอัพตราการผลักดันให้คนใช้ iOS เวอร์ชันล่าสุดได้อยู่อย่างนี้ ทุก API ที่เปิดตัวออกมาก็พร้อมสำหรับการเปิดโลกอุปกรณ์ตัวต่อไปของบริษัท
- iWatch ใช้เก็บข้อมูลสุขภาพ (Healthkit)
- Apple TV ใหม่ เล่นเกมส์ได้ (Metal), ใช้เชื่อมกับอุปกรณ์อื่นในบ้านได้ (Homekit)
- iPhone 6, iPad Air 2 ใช้ Touch ID ในการเข้าถึงทุกระบบที่มีในบ้าน (Touch ID API)
- Mac กับอุปกรณ์อื่นๆ เชื่อมต่อกันได้อย่างแนบเนียน (Continuity)
- ลำโพงของ Beats รุ่นใหม่ อาจจะมาตั้งวางในบ้านเป็นระบบเครื่องเสียง (Homekit, AirPlay)
เมื่อมองภาพรวมแล้ว ทั้งคำสัมภาษณ์ของผู้บริหารที่มั่นใจในสินค้าที่กำลังทำอยู่, การปรับผังองค์กรใหม่, การดึงผู้บริหารจากหลายแบรนด์ชั้นนำเข้ามา และการเปิดระบบ iOS อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แอปเปิลพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวเองในโลกยุคหลัง iPhone และ iPad ซึ่งประโยคสุดท้ายของ Tim Cook ก่อนจะปิดงาน WWDC 2014 น่าจะสะท้อนอะไรหลายอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
“This is something … only Apple can do” – Tim Cook
เรียบเรียงโดย
ทีมงาน MacThai