รวมทุกเรื่องต้องรู้และวิธีอัพเดท iOS 7.1 สำหรับ iPhone, iPad, iPod Touch

หมวด: Apple, Article, Exclusive, Featured, iOS, iPad, iPhone, iPod, News, Thai, Tipsวันที่: 11/03/2014

หลังจากที่แอปเปิลประกาศเปิดให้ผู้ใช้ iPhone, iPad, iPod Touch สามารถอัพเดทเป็น iOS 7.1 ที่หลายคนรอคอยได้แล้ววันนี้ ก็มีคำถามตามมามากมายว่า เราควรจะอัพเดทดีไหม, อัพแล้วเครื่องจะช้าลงรึเปล่า, กินแบตแค่ไหน ? รวมไปถึงวิธีการอัพเดท ซึ่งทีมงาน MacThai ก็ขอเรียบเรียงข้อมูลไว้ให้ได้ทราบกัน

เครื่องไหนอัพเป็น iOS 7.1 ได้บ้าง

iOS 7.1 จะสามารถอัพเดทได้เฉพาะบน

iPhone 5s, iPhone 5c, iPhone 5, iPhone 4s, iPhone 4
iPad Air, iPad 4, iPad 3, iPad 2, iPad Mini Retina, iPad mini
iPod touch (5th generation)

เครื่องที่ลอยแพบุ๋งๆ ไปแล้วคือ iPhone 3GS, iPad รุ่นแรก และ iPod Touch รุ่นที่ 4

ข้อสำคัญ: สำหรับใครที่ทดสอบ iOS 7.1 beta สามารถอัพเป็น iOS 7.1 ตัวเต็มได้โดยไม่ต้อง Restore เครื่อง ทำตามขั้นตอนในบทความนี้ได้เลย และทีมงานแนะนำให้ผู้ใช้ iOS 7.1 beta “ต้อง” อัพเดต iOS 7.1 ตัวเต็ม เนื่องจากที่ผ่าน ๆ มา ซอฟต์แวร์ iOS beta มีวันหมดอายุ เมื่อถึงวันหมดอายุแล้วเครื่องจะล็อคและต้อง Restore เพื่อกลับมาใช้งานสถานเดียว (แต่ไฟล์ที่ให้ iOS 7.1 beta อัพเดตผ่าน OTA จะใหญ่มาก ประมาณ 1GB ขึ้นไป จาก iOS 7.0.x ที่ขนาดไฟล์อัพเดตผ่าน OTA มีขนาดประมาณ 100-300MB)

อัพเป็น iOS 7.1 แล้วเครื่องช้าลงจริงไหม เครื่องไหนไม่ควรอัพบ้าง

ถ้าใครที่ใช้ iOS 6 ลงไปแล้วอัพมา iOS 7.1 เลย เครื่องก็จะทำงานช้าลงพอสมควร แต่ถ้าคุณใช้ iOS 7 อยู่แล้ว และอัพมา 7.1 ก็บอกได้เลยว่าเครื่องทำงานเร็วขึ้น 5-10% เลยทีเดียว
ถ้าคุณใช้ iPhone 4s, 5, 5c, 5s ควรอัพเดทได้เลย
ถ้าใช้ iPhone 4 บน iOS 6 แนะนำว่ายังไม่ควรอัพเดท เครื่องจะช้าลงพอสมควร แต่ถ้าเดิมใช้ iOS 7 อยู่แล้วก็อัพได้เลย
อัตราการกินแบตจะเท่ากับที่ใช้บน iOS 7
ความเร็วในการใช้งานเพิ่มขึ้น 5-10%
แต่ที่สำคัญคือ iOS 7.1 แก้ปัญหาในการเล่นแอพและเว็บภาษาไทยลงแล้ว เล่นแอพและเว็บภาษาไทยเร็วขึ้นเท่าตัว !!
หน้าจอการใช้งานง่ายขึ้น สวยขึ้น

เมื่ออัพเป็น iOS 7.1 แล้วจะไม่สามารถกลับมาใช้ iOS 6, 7.0.x ได้อีก

วิธีการอัพเดทเป็น iOS 7.1

1. ลง iTunes 11.1

จะให้อัพเดท iOS 7.1 ได้คุณต้องใช้ผ่าน iTunes เวอร์ชัน 11.1 ขึ้นไป หลายคนอาจจะไม่ได้อัพผ่าน iTunes แต่อยากจะบอกว่าการ Back Up ข้อมูลผ่าน iTunes ไว้ก็ดี เผื่อเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ถ้าใครยังไม่อัพก็ไปดาวน์โหลดได้ที่ http://www.apple.com/itunes

2. Backup Backup Backup

ไม่มีระบบไหนที่จะสมบูรณ์ ถ้าไม่อยากกรี๊ดที่อัพ iOS ใหม่แล้วภาพถ่ายในเครื่องหาย วิดีโอหาย เกมส์ที่เล่นเซฟหาย ก็จง Backup ทั้งหมดไว้ก่อน ซึ่งวิธี Backup มีอยู่ 2 แบบคือ

Backup ผ่าน iCloud ไปที่ Setting -> iCloud -> Storage & Backup -> กดปุ่ม Backup Now (เก็บข้อมูลได้แค่ 5GB นะ ถ้ามากกว่านั้นต้องจ่ายตังค์ซื้อเนื้อที่เพิ่ม)
Backup ผ่าน iTunes ง่ายมาก เสียบสายเข้ากับเครื่อง กดไปที่ iTunes คลิ๊กขวาที่เครื่อง แล้วเลือก “Backup” (ภาพแรก) สำหรับคนที่ไม่ได้เปิด sidebar ให้เลือกกดไปที่หน้าหลักของอุปกรณ์ iOS นั้น ๆ และหาแถบ Backup กด “Back Up Now” ก็ได้ (ภาพที่ 2)

3. ถ้า Jailbreak เครื่อง, ลงแอพตู้ อย่าอัพเองถ้าไม่รู้จริง

ถ้าคุณใช้ชีวิตอยู่กับการ Jailbreak เครื่อง การอัพ iOS 7.1 อาจจะทำให้แอพ Cydia หรือแอพอื่นๆ ที่โหลดอย่างผิดกฏหมายแอปเปิลหายไปได้ แนะนำให้อย่าเพิ่งอัพเดท และรอติดตามผู้ที่อัพเดทไปแล้ว ทำตามข้อแนะนำในเว็บบอร์ดที่ท่านใช้เป็นประจำเถิด

สำหรับผู้ที่ใช้บริการแอพตู้ การอัพไป iOS 7.1 ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาโดยเฉพาะการอัพเดทแอพบางตัว และเรื่องการล็อกเครื่อง เราก็ไม่แนะนำให้อัพ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากร้านตู้ที่ท่านไปลง (ข้อเสียของการใช้แอพตู้)

4. อัพเดทได้เมื่อไหร่

กดเข้าไปที่ Setting -> General -> Software Update จะพบกับอัพเดท iOS 7.1 ถ้าใครยังไม่พบให้รอไปก่อน ซัก 30 นาทีแล้วกลับมาดูใหม่

ถ้าเราไม่ Backup ข้อมูล เกิดอัพ iOS 7.1 แล้วมีปัญหา
รูปอาจจะหาย เซฟเกมส์หาย แชทที่คุยกับเพื่อนหาย
เพราะฉะนั้นควรจะ Backup ข้อมูลก่อน

5. อัพเดทยังไง ?

ก่อนอัพเดทแนะนำให้

ลบข้อมูลในเครื่อง ให้มีเนื้อที่เหลืออย่างน้อย 2-3 GB
ต่อเน็ต Wifi ที่มีความไวพอ ไม่ควรอัพผ่าน 3G, 4G
ชาร์จแบตให้เกินกว่า 50-70% ไว้รอ

สำหรับการอัพเดทมีอยู่ 2 วิธีคือ

OTA : อัพเดทผ่านเครื่องเราเลย ไปที่ Setting -> General -> Software Update ถ้า iOS 7.1 ออกมาแล้วจะอัพเดทได้เลย
iTunes : เสียบสาย แล้วเปิดไปที่ iTunes แล้วกดปุ่ม Check for Update ถ้า iOS 7.1 ออกมาแล้วจะอัพเดทได้เลย

6. สิ่งที่จะได้และหายไปเมื่ออัพเป็น iOS 7.1

รายการปรับปรุงและแก้ไขทั้งหมดมีดังนี้

CarPlay – รองรับการทำงานระบบ iOS ในรถยนต์หรือ CarPlay โดยนำ iPhone ไปเชื่อมต่อ ซึ่งแอพที่รองรับมี โทรศัพท์, เพลง, แผนที่, ข้อความ และแอพอื่นที่รองรับการฟังเพลง
Siri – สามารถกด Home ค้างไว้เพื่อบังคับ Siri ให้ฟังเสียงจนกว่าจะปล่อยปุ่ม (เดิม Siri จะเดาเองว่าเราพูดจบเมื่อใด) และปรับปรุงเสียงพูดในหลายภาษา
iTunes Radio – ปรับปรุงระบบค้นหา, ระบบซื้อเพลง, iTunes Match
Calendar – ปรับการแสดงผลในระดับเดือน, สามารถแสดงข้อมูลวันหยุดได้ในหลายประเทศ
Accessibility – ปรับ Font หนาได้, ลด Motion ในแอพ Weather, Messages และปรับการแสดงปุ่มให้ชัดเจนขึ้นได้