ปี 2012 นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของแอปเปิลอย่างแท้จริง เพราะหลังจากที่ขาด “สตีฟ จ็อบส์” อย่างไม่มีวันกลับไปเมื่อปลายปี 2011 ทุกฝ่ายก็จับตามองทันทีว่าแอปเปิลภายใต้การนำของ Tim Cook จะเป็นอย่างไร ซึ่งเราขอสรุป 10 ข่าวเด่นที่สุดของแอปเปิลในปี 2012 กัน
10. มันชื่อ iPad เฉยๆ
เหตุการณ์สุดเงิบของสาวกและนักข่าวทั่วโลก เมื่อแอปเปิลส่งบัตรเชิญสื่อมางานเปิดตัวไอแพดรุ่นต่อจาก iPad 2 ซึ่งทุกคนก็รู้ว่ามันคือ iPad 3 เป็นแน่แท้ บางคนถึงขนาดไปจดโดเมนเนม ทำป้ายติดเคสขายล่วงหน้า
แต่ปรากฏว่าแอปเปิลทำเงิบ เมื่อเปิดออกมาไม่มีคำว่า “3” ให้เห็นแม้แต่น้อย มีแต่คำว่า “This is the new … iPad”
อ่านเพิ่ม : ทำไมแอปเปิลถึงเรียกไอแพดรุ่นใหม่ว่า iPad เฉยๆ ?
9. แอปเปิลออกสื่อมากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในยุค Post Steve Jobs Era คือแอปเปิลเริ่มออกสื่อมากขึ้นกว่าสมัยก่อน โดยปีนี Tim Cook ซีอีโอได้ออกสื่ออย่างเป็นทางการมากถึง 3 ครั้งคืองาน All Things Digital, สัมภาษณ์ใน Business Week, สัมภาษณ์ในทีวีรายการ Rocket Center
นอกจากนี้การแก้ไขปัญหาต่างๆ แอปเปิลก็ทำผ่านสื่อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจดหมายขอโทษกรณี Apple Maps, การอธิบายเรื่องปัญหาในโรงงาน Foxconn รวมไปถึงการบริจาคเงินให้การกุศล ซึ่งในยุคของสตีฟ จ็อบส์นั้นเราแทบจะไม่ได้เห็นมาก่อน
- Tim Cook เปลี่ยนอะไรในแอปเปิลบ้าง
- Tim Cook ให้สัมภาษณ์ในงาน D10
- ตอบทุกคำถามกับ Tim Cook – การผลิต Mac ในอเมริกา, iOS Maps และ Apple TV
8. สตีฟ จ็อบส์ตายแล้วไปไหน ?
ข่าวฮือฮาที่เกิดในเมืองไทย จากการที่วัดธรรมกายได้จัดทำสารคดี “สตีฟ จ็อบส์ตายแล้วไปไหน” โดยพูดถึงชีวิตหลังความตายของสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งได้ไปเกิดใหม่เป็นเทพบุตรภุมมะเทวา ?? โดนมีการอ้างอิงว่าสารคดีนี้เกิดจากวิศวกรคนหนึ่งของแอปเปิลได้ทำการสอบถามยังพระเทพญาณมหามุนี (เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย) ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีการสอบถามจริงเสียด้วย
ข่าวนี้ฮือฮาไปถึงต่างประเทศ ซึ่งสร้างความฮือฮากันพอสมควร
- สารคดี “สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน” โดยวัดพระธรรมกาย
- เว็บต่างประเทศทำข่าวเรื่อง “สตีฟ จ็อบส์ตายแล้วไปไหน” ของวัดธรรมกาย
- สารคดี “สตีฟ จ็อบส์ตายแล้วไปไหน ตอน 2″ เผยชาติก่อนสตีฟ จ็อบส์เป็นชาวนา !!
7. ดราม่าไล่ Scott Forstall ออก
ข่าวที่สาวกหลายคนถึงกับช็อค เมื่อแอปเปิลออกมาประกาศเด้ง Scott Forstall ผู้ดูแลแผนก iOS ขวัญใจใครหลายคน โดย Scott เป็นลูกหม้อคนสำคัญของสตีฟ จ็อบส์ ที่อยู่กันมาตั้งแต่สมัยบริษัท NeXT เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่สามารถทำโปรเจ็คสำคัญๆ อย่าง iOS บนไอโฟน และว่ากันว่าเขาอาจจะได้เป็นซีอีโอคนต่อไปเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีการจากไอของ Scott ก็น่าจะเกิดจากความขัดแย้งภายใน โดยเฉพาะผลงานช่วงหลังที่มีปัญหาอย่าง Siri และ Apple Maps ต้องรอดูว่าการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่ออนาคตของแอปเปิล โดยเฉพาะ iOS
- iOS Maps ทำพิษ Scott Forstall โดนเด้ง !! แอปเปิลประกาศปรับทีมบริหารครั้งใหญ่
- ก้าวต่อไปของแอปเปิล ในวันที่ไม่มี Scott Forstall
6. iPad Mini มันมาแล้ว
โปรเจ็คที่ใครหลายคนไม่เชื่อว่ามันจะมีจริง ด้วยเหตุผลว่าสตีฟ จ็อบส์ได้ออกมาบอกเองว่าแท็บเล็ตที่ดีต้องมีขนาด 9 นิ้วเท่านั้น อย่างไรก็ดีช่วงหลังแอปเปิลเองสูญเสียตลาดแท็บเล็ตไปจากการที่คู่แข่งทำแท็บเล็ต 7 นิ้ว และราคาที่ถูกกว่า iPad ถึงเท่าตัว ทำให้ในที่สุดแอปเปิลก็ทานความต้องการของตลาดไม่ไหว
สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งคือ iPad Mini ไม่ใช่เพียงการขาย iPad ราคาถูก แต่กลับมาพร้อมกล้องหน้า/หลัง, 4G/LTE, ความจุที่มาก และความเบาบาง จนทำให้ถึงตอนนี้ iPad Mini ก็ยังขายดีขนผลิตไม่ทันเลยทีเดียว
- เปิดตัวแล้ว! iPad mini หน้าจอ 7.9 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ $329 เริ่มสั่งจองล่วงหน้าวันที่ 26 ตุลาคมนี้
- สรุปรายละเอียดของ iPad mini อย่างเป็นทางการ
5. เปิดตัว iTunes Store ทั่วโลก รวมถึงไทยด้วย
ข่าวที่สาวกในไทยหลายคนรอคอยมานาน คือการเปิดตัว iTunes Music Store ในไทย ซึ่งนอกจากเราจะสามารถโหลดเพลงถูกลิขสิทธิ์ได้ง่ายดายมากขึ้นแล้ว การมาของ iTunes Store TH ส่งผลให้ตลาดเพลงดิจิตอลไทยโตขึ้นถึง 30% ด้วยกัน รอดูกันว่าปีหน้าจะได้เห็นเพลงและหนังไทย เข้ามาสู่ตลาด iTunes มากขึ้นหรือไม่
- สิ้นสุดการรอคอย แอปเปิลเปิดตัว iTunes Music Store ในไทยแล้ว !!
- 4 เดือนหลัง iTunes Store Thailand เปิดตัว ทำให้ตลาดเพลงดิจิตอลไทยโต 30%
4. MacBook Pro Retina คมบาดตา ราคาบาดใจ
แอปเปิลขยับตัวในตลาดโน๊ตบุ้คไปอีกก้าวในปีนี้ เมื่อผลิต MacBook ที่ใช้จอความละเอียดพิเศษอย่าง Retina Display ซึ่งเดิมเคยอยู่ใน iPhone และ iPad มาก่อน นับเป็นโน๊ตบุ้คตัวแรกๆ ที่ใช้จอความละเอียดขนาดนี้ ในขณะที่คู่แข่งยังใช้จอระดับปกติอยู่
อย่างไรก็ดี ราคาของ MacBook Pro Retina ก็ยังสูงเกินกว่าที่ผู้ใช้ทั่วไปจะซื้อหามาได้ แต่คาดได้เลยว่าอนาคตของจอ MacBook รุ่นต่อๆ ไปต้องเป็นระดับ Retina แน่นอน
3. Apple Maps มัน ห่วย มาก
จากการที่แอปเปิลตัดสินใจยกเลิกสัญญา Google Maps และ YouTube บน iOS 6 ทำให้แอปเปิลต้องทำระบบแผนที่ของตัวเอง ซึ่งการเพิ่มความสามารถที่ผู้ใช้รอคอยอย่างระบบนำทาง Turn by Turn, แผนที่ 3 มิติ, ระบบ Vector ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ในเมื่อข้อมูลในแผนที่ยังน้อยมาก และผิดพลาดอยู่หลายจุด สุดท้ายแอปเปิลถูกโจมตีอย่างหนักจน Tim Cook ต้องออกจดหมายขอโทษผู้ใช้
อย่างไรก็ดี กูเกิลก็ออกแอพ Google Maps มาในภายหลัง ซึ่งก็มี Turn by Turn, ระบบ Vector และ UI ใหม่ กลายเป็นว่าการยกเลิกแอพของกูเกิลใน iOS ทำให้เราได้ใช้ Google Maps ที่น่าใช้กว่าเดิมซะงั้น
- ปัญหาแผนที่บน iOS 6 – จากสงครามกับกูเกิลมาถึงผู้ใช้งาน
- Tim Cook ส่งจดหมายเปิดผนึกยอมรับ Maps บน iOS ไม่ดีเท่าที่ควร แนะให้ใช้แผนที่เจ้าอื่นไปก่อน
2. แอปเปิลชนะคดีสิทธิบัตรหมื่นล้านกับซัมซุง
คดีความประวัติศาสตร์ที่ยืดเยื้อกันมานาน ระหว่าง 2 ค่ายโทรศัพท์ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในยุคนี้ ซึ่งผลการตัดสินก็ออกมาแล้วว่าซัมซุงได้ลอก iPhone จริง และลูกขุนพิจารณาค่าปรับสูงถึง 1,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดเพราะมีการยื่นเรื่องให้พิจารณาเพิ่มเติมอีกหลายข้อ แต่ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการโทรศัพท์มือถือโลกอย่างหนึ่ง ที่หลายบริษัทเริ่มระวังในการจะลอกความสำเร็จของบริษัทอื่นมากขึ้น
- Apple ชนะคดีสิทธิบัตรแล้ว!! Samsung ถูกปรับเป็นเงินมหาศาลกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- สรุปคดีสิทธิบัตรหมื่นล้าน Apple vs Samsung – วันที่ 4-9 รวมมิตรหลักฐาน
- เผยเอกสารภายในของผู้บริหารซัมซุง “เรามาสร้างอะไรที่เหมือน iPhone กันเถอะ”
1. iPhone 5 หลุดกระจาย แต่ก็ยังขายดี(มาก)
ข่าวใหญ่ที่สุดแห่งปีคงหนีไม่พ้น iPhone 5 ที่มีข่าวหลุดรายวัน ไม่มีอะไรที่ไม่หลุด เรียกได้ว่าเห็นตั้งแต่ภายนอกไปจนถึงไส้ติ่งกันเลยทีเดียว ผลคืออาการไม่ว้าวพร้อมกันเสียงโห่ว่า iPhone 5 ไม่มีอะไรใหม่ของหลายๆ คน
แต่สุดท้ายเมื่อผู้ใช้ได้ลองใช้งานและจับตัวจริง การเปลี่ยนแปลงในทุกจุดของ iPhone 5 ก็ทำให้กลายเป็นไอโฟนที่ยอดขายสูงสุดตั้งแต่เคยมีมา พร้อมทั้งยังได้รับรางวัลจากแทบทุกสถาบันโดยเฉพาะ Time Magazine ที่มอบให้เป็น Gadget แห่งปีเลยทีเดียว
- เผยโฉมแล้ว! iPhone รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อว่า iPhone 5
- แอปเปิลกับวิกฤติการเก็บความลับในบริษัท
- รีวิว: iPhone 5 ไอโฟนที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา
khajochi
บล็อกเกอร์ : Khajochi.com
Social Media : @Khajochi, Facebook, Google+